ข้อมูลบริษัท

ข้อมูลทางกฎหมายเกี่ยวกับ บริษัท แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน)

คณะกรรมการบริษัท

1. นางสาวไม คาน บุ่ย มินห์

Executive Director

2. นายยสวันต์รังษิกร ทัตตเตรยะ ศักยดิ์สิงหนาท

Executive Director

3. นางสาวฐิติกานต์ ธาระชัย

Executive Director

4. นายมงคล เหล่าวรพงศ์

Independent Director

คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลและจัดการบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการอาจมอบหมายให้กรรมการหนึ่งคนหรือหลายคนหรือบุคคลอื่นกระทำการแทนคณะกรรมการได้ โดยมีเงื่อนไขว่ากรรมการสองคนต้องลงนามและประทับตราสำคัญร่วมกัน

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทมีดังนี้: –

  1. กำหนดนโยบาย วิสัยทัศน์ ภารกิจ กลยุทธ์ เป้าหมาย และทิศทางของบริษัท และกำกับดูแลฝ่ายจัดการให้ดำเนินการตามนโยบายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
  2. พิจารณาเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น แผนธุรกิจและนโยบาย อำนาจการบริหาร และการได้มาหรือจำหน่ายทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ตามที่กฎหมายกำหนด
  3. พิจารณาอนุมัติการคัดเลือกและแต่งตั้งคณะผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร
  4. บริหารจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัท ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต สมเหตุสมผล และระมัดระวังตามหน้าที่ความรับผิดชอบ
  5. พิจารณาค่าตอบแทนของคณะกรรมการบริษัท และพิจารณาจ่ายเงินปันผลประจำปีเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น 6.กำกับดูแลหรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ (ที่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี) บริหารจัดการและออกนโยบายเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์

Executive Management

1. ดร. ไม คาน บุ่ย มินห์
2. นายยสวันต์รังษิกร ทัตตเตรยะ ศักยดิ์สิงหนาท
3. นางสาวฐิติกานต์ ธาระชัย

คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการ สรรหา และพิจารณาค่าตอบแทน

2.Mr. Yotsawanrangsikorn Dattatreya Saksinghanatara

3.Ms. Thitikan Tharachai

4.Mr. Aekapope Phenphuang

คณะกรรมการสรรหาเพื่อกำหนดค่าตอบแทนและบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการ/ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านการสรรหา ค่าตอบแทน และการบริหารทรัพยากรบุคคล ไม่น้อยกว่า 3 คน

2.1 มีประสบการณ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลและเข้าใจหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะกรรมการสรรหาเพื่อกำหนดค่าตอบแทนและบริหารทรัพยากรบุคคล2.2 เป็นอิสระและสามารถอุทิศเวลาให้เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่

3.1 คณะกรรมการสรรหาเพื่อกำหนดค่าตอบแทนและบริหารทรัพยากรบุคคล มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี เมื่อครบวาระอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้3.2 กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อไรก็ตาม3.2.1 ครบวาระ3.2.2 ลาออก3.2.3 ตาย3.2.4 คณะกรรมการบริษัทถูกบังคับให้ลาออก ในกรณีที่ตำแหน่งว่างลงด้วยเหตุอื่นใดนอกจากวาระ ให้คณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นกรรมการ บุคคลที่เข้าเป็นกรรมการสรรหาเพื่อควบคุมดูแลทรัพยากรบุคคลจะต้องปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ตนเข้ามาแทน

เพื่อให้มั่นใจว่าคณะกรรมการสรรหาจะทำหน้าที่กำหนดค่าตอบแทนและบริหารทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของบริษัท และตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการจึงได้กำหนดขอบเขตหน้าที่ของคณะกรรมการไว้4.1 การเสนอชื่อ

  • กำหนดกรอบนโยบาย แนวทาง และหลักเกณฑ์ในการเสนอชื่อกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการต่างๆ ที่คณะกรรมการบริษัทแต่งตั้ง ที่ปรึกษา และกรรมการบริหาร
  • พิจารณาและเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการและอนุกรรมการ และที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัทแทนตำแหน่งที่ว่าง หรือตามความเหมาะสมเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติ
  • พิจารณาแต่งตั้งกรรมการบริหารที่เสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อแต่งตั้ง และประเมินแนวทางที่อำนวยความสะดวกในการกำหนดค่าตอบแทนประจำปี โดยพิจารณาถึงความรับผิดชอบและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
  • เสนอแนวทางและขั้นตอนในการกำหนดค่าเบี้ยประชุม รางวัล เงินจูงใจ และเงินรางวัลพิเศษ รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ ในรูปแบบค่าตอบแทนที่มอบให้แก่คณะกรรมการบริหารเพื่ออนุมัติ
  • ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย พิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนของประธานบริษัท ในระดับอุตสาหกรรมเดียวกัน คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่อนุมัติค่าตอบแทนของคณะกรรมการบริหาร
  • เสนอแนะนโยบายและกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคล รวมถึงโครงสร้างองค์กร ระบบประเมินพนักงาน และหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนพนักงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหารงานของบริษัท
  • พิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการขึ้นไป ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ
  • เสนอแนะนโยบายในการพิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการขึ้นไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ
  • ดูแลให้นโยบายดังกล่าวพิจารณาค่าตอบแทนและสวัสดิการโดยรวมที่สามารถรองรับบุคลากรภายนอกได้ และรักษาบุคลากรภายในที่มีศักยภาพไว้ได้
  • ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย

5.1 คณะกรรมการสรรหาผู้กำหนดค่าตอบแทนและการบริหารทรัพยากรบุคคลต้องประชุมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

5.2 ในการประชุมแต่ละครั้งต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง

5.3 หากประธานกรรมการไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่เข้าร่วมประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

5.4 มติของการประชุมให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงชี้ขาด

5.5 หากกรรมการสรรหาผู้กำหนดค่าตอบแทนและการบริหารทรัพยากรบุคคลคนใดคนหนึ่งถูกพิจารณาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน จะต้องไม่เข้าร่วมพิจารณาและออกเสียงลงคะแนนในเรื่องดังกล่าว

6.1 รายงานต่อคณะกรรมการบริหารปีละครั้ง

6.2 สรุปผลการดำเนินงานในรายงานประจำปีและข้อมูลสารสนเทศ

  • ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับโครงสร้างและองค์ประกอบของค่าตอบแทนของกรรมการเป็นประจำทุกปี
  • พิจารณาทบทวนรายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติและดำเนินการประเมิน โดยคณะกรรมการสรรหาจะนำผลการประเมินดังกล่าวมาใช้ในการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการ
  • เสนอเกณฑ์ค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับหน้าที่ของกรรมการโดยเชื่อมโยงค่าตอบแทนกับผลการดำเนินงานตามแผนธุรกิจและผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท เพื่อให้สามารถจูงใจและรักษากรรมการที่มีความสามารถ มีคุณสมบัติ และความสามารถได้ คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาและตกลงกันก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีเพื่ออนุมัติ

คณะกรรมการตรวจสอบ

1. Mr. Mongkon Laoworapong

2. Ms. Suruthai Songsiridej

2.1 องค์ประกอบ

2.1.1 คณะกรรมการตรวจสอบต้องมีอย่างน้อย 3 คน

2.1.2 ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัทหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบ

2.1.3 มีกรรมการอิสระไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการตรวจสอบทั้งหมด

2.1.4 ประธานคณะกรรมการตรวจสอบต้องเป็นกรรมการอิสระในคณะกรรมการบริษัท

2.1.5 คณะกรรมการตรวจสอบต้องมีกรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 คนที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการบัญชีหรือการเงินเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่สอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินได้

2.2 คุณสมบัติ

กรรมการตรวจสอบต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และไม่ขัดแย้งกับหลักเกณฑ์ในข้อ 18 ข้อ 19 และข้อ 20 ตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับรายได้ จ่ายค่าใช้จ่าย สอบบัญชี และควบคุมภายในของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2557 ที่คณะกรรมการตรวจสอบกำหนดขึ้น โดยต้องเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในลักษณะที่จะกระทบต่อการใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเป็นอิสระ

3.1 กรรมการตรวจสอบมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี นับจากวันที่ได้รับแต่งตั้ง

3.2 กรรมการตรวจสอบที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่โดยมติของคณะกรรมการบริษัทหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น

3.3 ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพิ่ม หรือลดจำนวนกรรมการตรวจสอบ ต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการบริษัทหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น

3.4 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งเมื่อครบวาระตามที่กำหนดแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ:

3.4.1 ลาออก

3.4.2 เสียชีวิต

3.4.3 คณะกรรมการบริษัทมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง 3.4.4 ขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการตรวจสอบตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับรายได้ จ่ายค่าใช้จ่าย การสอบบัญชี และการควบคุมภายในของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2557

4. ขอบเขตอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจสอบ

4.1 ช่วยบริษัทตรวจสอบว่ารายงานทางการเงินของบริษัทมีความสมบูรณ์ ถูกต้อง เชื่อถือได้ และมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญครบถ้วนและเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่ยอมรับโดยทั่วไปหรือไม่

4.2 ทบทวนและประเมินระบบการควบคุมภายใน ระบบการตรวจสอบภายใน และระบบบริหารความเสี่ยงของบริษัทให้เหมาะสม มีประสิทธิผล และรัดกุม ตามกรอบที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานสากล รวมถึงกำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานตรวจสอบภายใน

4.3 ทบทวนให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย ข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท

4.4 พิจารณาและเสนอแต่งตั้งบุคคลอิสระเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัท และเสนอค่าตอบแทนของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งเข้าร่วมประชุมกับผู้ตรวจสอบบัญชี โดยไม่มีผู้บริหารเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 4.5 เสนอแนะแนวทางให้ฝ่ายบริหารกำกับดูแลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และรายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบเพื่อดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการตรวจสอบเห็นสมควร ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบพบหรือมีข้อสงสัยว่ามีรายการหรือการกระทำดังต่อไปนี้ –

(ก) รายการที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์

(ข) มีการทุจริตที่ผิดปกติหรือมีข้อบกพร่องที่สำคัญในระบบการควบคุมภายใน

(ค) ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยประกันภัยทั่วไปหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท หากคณะกรรมการบริษัทหรือผู้บริหารไม่ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการตรวจสอบกำหนด คณะกรรมการตรวจสอบต้องรายงานให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยทราบโดยไม่ชักช้า

4.6 เสนอความเห็นเกี่ยวกับรายงานการประเมินการควบคุมภายในโดยรวมของบริษัทต่อคณะกรรมการบริษัท

4.7 พิจารณาอนุมัติแผนการตรวจสอบและกำกับดูแลของหน่วยงานตรวจสอบภายใน

4.8 ในกรณีที่จำเป็น คณะกรรมการตรวจสอบอาจขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับการดำเนินการตรวจสอบภายใน โดยให้บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย 4.9 จัดทำรายงานคณะกรรมการตรวจสอบและเปิดเผยในรายงานประจำปีของบริษัท ซึ่งลงนามโดยประธานกรรมการตรวจสอบ

4.10 ทบทวนและประเมินกฎบัตรคณะกรรมการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทในกรณีที่มีการแก้ไข

4.11 จัดให้มีการประเมินตนเองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และรายงานผลการประเมินให้คณะกรรมการบริษัททราบ

4.12 ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบ

5. การประชุม

5.1 คณะกรรมการตรวจสอบจะจัดประชุมเป็นประจำอย่างน้อยทุกไตรมาส เพื่อติดตามการดำเนินงานของฝ่ายตรวจสอบภายในและการดำเนินงานของบริษัท และมีอำนาจเรียกประชุมเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็น โดยองค์ประชุมต้องมีกรรมการตรวจสอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการตรวจสอบทั้งหมด

5.2 ในการประชุม คณะกรรมการตรวจสอบอาจเชิญผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริหารความเสี่ยง ฝ่ายจัดการ ผู้สอบบัญชี หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมและขอข้อมูลตามความจำเป็นและเหมาะสมตามวาระการประชุม

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง

2.Dr. Mai Khanh Bui Minh

3.Ms. Thitikan Tharachai

4.Mr. Yotsawanrangsikorn Dattatreya Saksinghanatara

1. วัตถุประสงค์

เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทเกี่ยวกับการบริหารและจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริษัทจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการความเสี่ยงให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ของบริษัท เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในนามของคณะกรรมการบริษัท

2. หน้าที่ความรับผิดชอบ

2.1 ทบทวนและนำเสนอนโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยงต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ

2.2 ทบทวนและอนุมัติระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อรับทราบรวมถึงรายงานความเสี่ยง บริษัทติดตามและรักษานโยบายการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ

2.3 กำกับดูแล พัฒนา และนำนโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยงไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทมีระบบการบริหารจัดการทั่วทั้งองค์กรและมีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

2.4 ทบทวนรายงานการบริหารความเสี่ยงเพื่อติดตามความเสี่ยงและเพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรมีการจัดการที่เพียงพอและเหมาะสม

2.5 ประสานงานกับคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สำคัญ ฝ่ายตรวจสอบภายในมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทมีระบบการควบคุมภายในที่เหมาะสมสำหรับการบริหารความเสี่ยง และมีการนำไปใช้และดำเนินการระบบบริหารความเสี่ยงอย่างถูกต้องทั่วทั้งองค์กร

2.6 ปฏิบัติการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความเสี่ยงที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย

คณะกรรมการการลงทุน

2.Ms. Thitikan Tharachai

3.Mr. Trung Pham

1. วัตถุประสงค์

1.1 วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้คือเพื่อช่วยให้บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำกับดูแล ติดตาม และประเมินการลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัท

1.2 คณะกรรมการการลงทุนจะถือครองการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ต่อภารกิจและวัตถุประสงค์ของบริษัท นโยบายนี้สอดคล้องกับต่อไปนี้

1.3 กำหนดระดับความเพียงพอของเงินกองทุนที่ยอมรับได้และไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเพื่อเป็นแนวทางในการรักษาระดับเงินกองทุนที่เพียงพอเพื่อรองรับความเสี่ยงอย่างเพียงพอ

1.4 กำหนดและมอบหมายความรับผิดชอบของแต่ละแผนกที่เกี่ยวข้อง

1.5 สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลและการใช้เงินทุนของบริษัทและวัตถุประสงค์ มอบหมายและจัดสรรสินทรัพย์และหนี้สิน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และการปฏิบัติตามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการลงทุน

1.6 ความเพียงพอของเงินทุนต้องคำนึงถึงสภาพคล่องและการรวมตัวของเงินทุนของบริษัท 1.7 กรอบและเกณฑ์ในการติดตาม ประเมินผลและเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน จะถูกกำหนดเป็นประจำโดยผู้จัดการการลงทุน รวมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการบริหาร และ/หรือ คณะกรรมการการลงทุน

2. แนวทางปฏิบัติและขั้นตอนการจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุน ความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารหรือคณะกรรมการการลงทุน

2.1 คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่รับผิดชอบสูงสุดในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนและการจัดการความเสี่ยงขององค์กรและทรัพย์สินที่ลงทุน

2.2 คณะกรรมการบริหารอาจมอบอำนาจเกี่ยวกับการลงทุนขององค์กรภายใต้คณะกรรมการการลงทุนได้ โดยสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการลงทุน

2.3 คณะกรรมการบริหารหรือคณะกรรมการการลงทุนอาจว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอกเป็นที่ปรึกษาการลงทุนหรือผู้จัดการการลงทุนเพื่อจัดการพอร์ตโฟลิโอขององค์กรหากจำเป็น

2.4 คณะกรรมการบริหารหรือผู้ได้รับมอบอำนาจหรือคณะกรรมการการลงทุนมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการทรัพย์สินในพอร์ตโฟลิโอขององค์กร โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

2.5 ต้องแจ้งความต้องการทางการเงินขององค์กรให้ผู้จัดการการลงทุนทราบในเวลาที่เหมาะสม

2.6 พิจารณาและอนุมัติวัตถุประสงค์การลงทุน รวมทั้งนโยบายและการจัดสรรทรัพย์สินที่จะลงทุนทุกปี

2.7 ระมัดระวังในการเลือกวิธีการหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่เหมาะสม เช่น ผู้จัดการการลงทุน ผู้ตรวจสอบการจัดการทรัพย์สิน และผู้ดูแลทรัพย์สิน 2.8 ประเมินผลการดำเนินงานของผู้จัดการสินทรัพย์ในการบริหารสินทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการดำเนินงานและตรวจสอบความคืบหน้าเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การลงทุน

2.9 ทบทวนและติดตามผลการดำเนินงานของการลงทุนให้เป็นไปตามนโยบายขององค์กร

ติดต่อเรา
สนใจที่จะเป็นพันธมิตรกับ Pacific Cross เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณหรือไม่?ติดต่อเรา!
ติดต่อเรา
ขอบคุณ!การส่งของคุณได้รับการส่งแล้ว!
อ๊ะ!มีบางอย่างผิดปกติขณะส่งแบบฟอร์ม