บริษัท แปซิฟิค ครอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีความเชี่ยวชาญด้านการประกันสุขภาพในเอเชียมายาวนานกว่า 45 ปี เป็นเจ้าของบริษัทประกันสุขภาพที่มีชื่อเสียงหลายแห่งทั้งในอดีตและปัจจุบัน (บริษัท Blue Cross Insurance Incorporation ในฟิลิปปินส์, Blue Cross ประเทศไทย และฮ่องกง) บริษัท แปซิฟิค ครอส เฮลธ์ อินชัวรันส์ จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแปซิฟิค ครอส ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันการเดินทางและประกันสุขภาพชั้นนำในเอเชีย พ.ศ. 2523 บริษัทได้รับใบอนุญาตครั้งแรก ในฐานะการสนับสนุนครั้งแรกของเราในตลาดประกันสุขภาพของไทย เราได้ก่อตั้ง Blue Cross Thailand และบริษัทถูกซื้อกิจการโดย Bupa ในปี 1996 บริษัทได้กลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งในปี 2001 ภายใต้ชื่อบริษัท Med-Sure Services Co., Ltd. ก่อตั้งความร่วมมือกับบริษัท นำเส็งประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อบริหารจัดการการดำเนินงานด้านประกันสุขภาพและประกันการเดินทาง ระหว่างปี พ.ศ. 2548 – 2557 บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจประกันสุขภาพภายใต้โครงการ “LMG Pacific Healthcare” เป็นเวลา 10 ปี ในปี 2556 บริษัทได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) บริษัทได้เข้าซื้อกิจการบริษัทประกันสุขภาพจดทะเบียนในชื่อ “บริษัท บริรักษ์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)” และปรับโครงสร้างทุนจดทะเบียน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท แปซิฟิคครอส เฮลท์ อินชัวรันส์ จำกัด (มหาชน)” อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2557 โดยเริ่มเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็วและมั่นคง ภายในสิ้นปี 2561 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท
“ให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่ลูกค้าในเรื่องสุขภาพ อุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันภัยการเดินทาง สะดวก เข้าถึงและเข้าใจง่าย ให้ลูกค้ามีอำนาจในการตัดสินใจ โต้ตอบกับบริษัทได้ตามเงื่อนไข”
การบริหารความเสี่ยง: คณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงทำหน้าที่บริหารนโยบายการบริหารความเสี่ยงและให้หน่วยงานใช้เป็นแนวทางและกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงและรายงานต่อผู้บริหารของบริษัทอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้นำกรอบการบริหารความเสี่ยง “Three Lines of Defense” ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
แนวป้องกันแรก หมายถึง หน่วยธุรกิจที่มีความเสี่ยง รับผิดชอบในการระบุและจัดการความเสี่ยงโดยตรง (การออกแบบและการดำเนินการควบคุม) หน่วยธุรกิจเหล่านี้จะต้องจัดลำดับความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
แนวป้องกันที่สอง หมายถึงหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ซึ่งรับผิดชอบในการติดตามการออกแบบและการดำเนินการควบคุมในความรับผิดชอบระดับแรกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อเสนอแนะและอำนวยความสะดวกในกิจกรรมการบริหารความเสี่ยง ส่วนใหญ่เป็นฟังก์ชันการจัดการที่อาจมีความเป็นกลางในระดับหนึ่ง แต่ไม่เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากความรับผิดชอบระดับแรก
แนวป้องกันที่สาม หมายถึง ความรับผิดชอบในการตรวจสอบภายในมีความเป็นอิสระจากการบริหารความเสี่ยง กระบวนการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัทคือ 1) ระบุปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ 2) กระบวนการประเมินความเสี่ยงและติดตามความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และ 3) การรายงานความเสี่ยงและประเด็นประเภทต่างๆ ดังนี้
การจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน (ALM) คือการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินในงบการเงิน รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะได้รับผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากการบริหารสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดด้านราคา ความเสี่ยงจากการประมาณการหนี้สินค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ถูกต้อง เช่น เมื่อบริษัทต้องชำระหนี้และภาระผูกพันแต่ไม่สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดได้ทันเวลา หรือไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ หรือไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ แต่ต้นทุนทางการเงินสูงเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้และเงินทุนและความน่าเชื่อถือของบริษัท หนี้สินตามนโยบายถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทในการตัดสินใจลงทุนทั้งในแง่ของเวลาในการลงทุนและความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
• ราคาบัญชีหมายถึงสินทรัพย์และหนี้สินที่วัดมูลค่าตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
หนี้สินจากสัญญาประกันภัยประกอบด้วย
1. เงินสำรองพรีเมี่ยมที่ยังไม่ถือเป็นรายได้บริษัทคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยที่ไม่นับเป็นรายได้ตามประกาศสำนักงาน คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสรรสำรองเบี้ยประกันภัยที่ไม่นับเป็นรายได้ เงินสำรองค่าสินไหมทดแทน และเงินสำรองอื่นของบริษัทประกันวินาศภัย โดยคำนวณตามวิธี 1/365 ระบบ
บริษัทมีนโยบายการลงทุนในปี 2560 โดยมีวัตถุประสงค์ "เพื่อเน้นความมั่นคงของเงินต้นและมูลค่าผลตอบแทนการลงทุน" ซึ่งกำหนดสัดส่วนการลงทุนแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดทุนในขณะนั้น พิจารณาความสอดคล้องของการลงทุนแต่ละประเภทกับการบริหารความเสี่ยงซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการการลงทุนแล้วจึงนำเสนอต่อกรรมการผู้จัดการเพื่ออนุมัติก่อนดำเนินการทุกครั้ง กลยุทธ์และการจัดสรรจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทเพื่อคำนึงถึงสภาพคล่องเป็นอันดับแรก รวมถึงข้อจำกัดในการลงทุนด้วย ผู้ลงทุนจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันการเงินและศูนย์วิจัยของบริษัทที่เชื่อถือได้หลายแห่งอย่างสม่ำเสมอ นอกจากการวางแผนการลงทุนแล้ว แผนการลงทุนยังมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นหากตลาดเงินหรือตลาดทุนมีความผันผวน
บริษัทได้ลงทุนในสินทรัพย์ในรูปเงินสด เงินฝากสถาบันการเงิน โรงรับฝากเงิน และใบรับฝากเงินที่สามารถซื้อขายได้ประเมินตามจำนวนเงินที่มีอยู่
กับสถาบันการเงินและใบฝากเงินประเมินตามจำนวนเงินที่ฝากและใบฝากเงินประเมินตามราคาต้นทุน
มูลค่าทางบัญชีหมายถึงสินทรัพย์และหนี้สินที่ประเมินโดยมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
การประเมินราคา หมายถึง สินทรัพย์และหนี้สินที่ประเมินตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การประเมินมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทประกันภัย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย และเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถครอบคลุมผลประโยชน์ประกันภัยของผู้เอาประกันภัยได้ครบถ้วน
บริษัทต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อโปรไฟล์ความเสี่ยงโดยรวมของบริษัทได้ การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม กฎหมาย ข้อบังคับ และการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องกำหนดนโยบาย การดำเนินงาน และการควบคุมที่เหมาะสมเพื่อจัดการความเสี่ยงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท การสร้างการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมการควบคุมที่แข็งแกร่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการกำกับดูแลที่ดี ภาระผูกพันประการหนึ่งของบริษัทที่มีต่อผู้ถือหุ้น ผู้ถือกรมธรรม์ เจ้าหนี้ และหน่วยงานกำกับดูแลคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับบุคคลดังกล่าว บริษัทมีระบบการควบคุมภายในที่ดีและความเสี่ยงที่สำคัญได้รับการจัดการด้วยความเอาใจใส่และความระมัดระวัง
การควบคุมภายในหมายถึงนโยบายและกระบวนการที่ได้รับการออกแบบและปฏิบัติเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะบรรลุวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
การดำเนินธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
บริษัทประกันภัยสามารถนำเงินสดไปลงทุนหรือหารายได้อีกทางหนึ่งได้ โดยการลงทุนจะต้องสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และสภาพคล่องของพอร์ตการลงทุน
เงินสดที่บริษัทต้องใช้ในอนาคตอย่างเพียงพอ โดยบริษัทต้องปฏิบัติตามประเภท สัดส่วน และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการลงทุนตามประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การลงทุนในกิจการอื่นของบริษัทประกันภัย พ.ศ. 2556 อย่างเคร่งครัด ได้แก่ สินเชื่อ การลงทุนในหลักทรัพย์ ตั๋วเงิน พันธบัตร หุ้นสามัญ หุ้นกู้ รวมถึงเงินฝากกับธนาคาร
Pacific Cross International begins building its health insurance legacy across Asia.
Established Blue Cross Thailand, marking its first contribution to Thailand’s health insurance market.
Blue Cross Thailand is acquired by Bupa, a global healthcare group.
Returns to Thailand as Med-Sure Services Co., Ltd.
Forms strategic partnership with Nam Seng Insurance Public Company Limited to manage health and travel insurance operations.
Partners with LMG Insurance Public Company Limited to launch and operate “LMG Pacific Healthcare” for 10 years.
Provides administrative expertise and operational strength to the joint project.
With support from the Office of Insurance Commission (OIC), acquires Borrirak Insurance Public Company Limited, a registered health insurer.
Company capital is restructured to USD 2 million.
Officially rebrands as Pacific Cross Health Insurance Public Company Limited (PCHI).
Begins rapid and stable growth across Thailand’s health insurance market.
Reaches a major milestone: Registered capital increased to 500 million THB, reinforcing its financial strength and market leadership.
Pacific Cross International begins building its health insurance legacy across Asia.
Established Blue Cross Thailand, marking its first contribution to Thailand’s health insurance market.
Blue Cross Thailand is acquired by Bupa, a global healthcare group.
Returns to Thailand as Med-Sure Services Co., Ltd.
Forms strategic partnership with Nam Seng Insurance Public Company Limited to manage health and travel insurance operations.
Partners with LMG Insurance Public Company Limited to launch and operate “LMG Pacific Healthcare” for 10 years.
Provides administrative expertise and operational strength to the joint project.
With support from the Office of Insurance Commission (OIC), acquires Borrirak Insurance Public Company Limited, a registered health insurer.
Company capital is restructured to USD 2 million.
Officially rebrands as Pacific Cross Health Insurance Public Company Limited (PCHI).
Begins rapid and stable growth across Thailand’s health insurance market.
Reaches a major milestone: Registered capital increased to 500 million THB, reinforcing its financial strength and market leadership.
“ Assists customers of all ages by providing the complete information for their consideration to purchase an insurance and build strong relationships with intermediaries and policyholders by all channels of distribution ”
การกำกับดูแลและนโยบายควบคุมภายใน
จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ และค่านิยมขององค์กรที่ยึดมั่นในการดำเนินงานอย่างมีธรรมาภิบาลและมีระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ คือรากฐานสำคัญของการดำเนินงานที่ดี ทั้งนี้ หนึ่งในพันธกิจของบริษัทต่อผู้ถือหุ้น ผู้เอาประกันภัย เจ้าหนี้ และหน่วยงานกำกับดูแล คือการสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทมีระบบควบคุมภายในที่มั่นคง และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญได้อย่างรอบคอบ
การบริหารความเสี่ยง:คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงทำหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง และนำไปใช้เป็นแนวทางและกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงของหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมรายงานผลต่อผู้บริหารระดับสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้นำกรอบการบริหารความเสี่ยงแบบ “สามแนวป้องกัน” (Three Lines of Defense) มาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้:
แนวป้องกันแนวแรก: หน่วยงานที่รับความเสี่ยงโดยตรง มีหน้าที่ระบุและจัดการความเสี่ยงในกระบวนการดำเนินงาน (การออกแบบและนำระบบควบคุมไปใช้) โดยหน่วยงานเหล่านี้ต้องบูรณาการการบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติงาน
แนวป้องกันแนวที่สอง: หน่วยงานกำกับดูแลและตรวจสอบภายใน (Regulatory Compliance Unit) ทำหน้าที่ติดตามความต่อเนื่องของการออกแบบและการนำระบบควบคุมจากแนวแรกไปใช้ รวมถึงให้คำแนะนำและสนับสนุนกิจกรรมด้านการบริหารความเสี่ยง หน่วยงานเหล่านี้โดยมากเป็นหน่วยงานในสายบริหารที่มีระดับความเป็นกลางพอสมควร แต่ไม่ได้เป็นอิสระโดยสิ้นเชิงจากแนวป้องกันแนวแรก
แนวป้องกันแนวที่สาม: หมายถึงหน้าที่ของหน่วยตรวจสอบภายใน ซึ่งมีความเป็นอิสระจากการบริหารจัดการความเสี่ยง
กระบวนการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัท ประกอบด้วย:1) การระบุปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท 2) การประเมินและติดตามความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และ 3) การรายงานความเสี่ยงและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งครอบคลุมดังนี้:
การติดตามและประเมินผลเป็นกระบวนการที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องภายหลังจากที่บริษัทกำหนดแผนบริหารความเสี่ยงและมอบหมายผู้รับผิดชอบในการจัดการความเสี่ยง โดยมีเป้าหมายหลักดังต่อไปนี้:
• ประเมินความเหมาะสมและประสิทธิผลของวิธีการบริหารความเสี่ยง รวมถึงการติดตามผลการบริหารความเสี่ยงว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่
• ควบคุมและตรวจสอบระดับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ หรือทำให้การดำเนินงานต้องหยุดชะงักลง
บริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบว่าระดับความเสี่ยงที่โอนถ่ายอยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้ และไม่อิงตามคู่มืออัตราเบี้ยประกันภัยเพียงอย่างเดียว การติดตามและควบคุมการกระจายความเสี่ยงต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ให้มีการกระจุกตัวของความเสี่ยงทั้งในเชิงภูมิศาสตร์หรือประเภทของความเสี่ยง สำหรับความเสี่ยงที่สูงเกินกว่าขีดความสามารถของบริษัทในการรองรับ บริษัทจะดำเนินการโอนความเสี่ยงไปยังผู้รับประกันภัยต่อผ่านสัญญาประกันภัยต่อ ในการคัดเลือกผู้รับประกันภัยต่อ บริษัทจะพิจารณาโดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงินเป็นลำดับแรก เพื่อให้สามารถบริหารสัดส่วนของความคุ้มครองต่อความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมทั้งในเชิงมูลค่าความรับประกันภัยและให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของบริษัท
ในการกำหนดเงินสำรองประกันภัย บริษัทใช้วิธีการคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป และได้รับการตรวจสอบรับรองโดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ได้รับอนุญาต การเปลี่ยนแปลงของเงินสำรองจะได้รับการติดตามและวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อระดับเงินสำรองของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีเงินสำรองเพียงพอรองรับภาระผูกพันที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้เอาประกันภัยในอนาคต ทั้งนี้ นักคณิตศาสตร์ประกันภัยจะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมและความเพียงพอของเงินสำรองดังกล่าว
สำหรับความเสี่ยงที่สูงเกินกว่าขีดความสามารถของบริษัทในการรับไว้โดยลำพัง บริษัทจะดำเนินการโอนความเสี่ยงดังกล่าวไปยังบริษัทผู้รับประกันภัยต่อ โดยใช้รูปแบบสัญญาประกันภัยต่อทั้งประเภทล่วงหน้าแบบรายปี และประเภทเฉพาะราย ทั้งนี้ การคัดเลือกบริษัทผู้รับประกันภัยต่อจะพิจารณาจากความมั่นคงทางการเงินเป็นลำดับแรก นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบริหารพอร์ตประกันภัย (Insurance Portfolio Management) เพื่อควบคุมสัดส่วนของความคุ้มครองให้เหมาะสมกับผลการพิจารณารับประกันภัยโดยรวม และให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร
นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงด้านการประกันภัยต่อในรูปแบบลายลักษณ์อักษร เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยรวมของบริษัท และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและคณะกรรมการบริษัทตามลำดับ กลยุทธ์นี้ครอบคลุมกระบวนการคัดเลือกแผนประกันภัยต่อที่เหมาะสม การนำแผนไปปฏิบัติ การติดตามผล การทบทวน การควบคุม และการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการประกันภัยต่อ โดยพิจารณาจากระดับความเสี่ยงที่บริษัทสามารถยอมรับได้ ต้นทุนทางการเงิน สภาพคล่อง และแนวโน้มของตลาดประกันภัยต่อ ทั้งนี้ เพื่อให้แผนธุรกิจของบริษัทมีความเหมาะสมกับลักษณะ ขนาด และความซับซ้อนของกิจการอย่างสมดุล
การบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน (ALM) คือกระบวนการบริหารจัดการสินทรัพย์และภาระหนี้สินในงบการเงินของบริษัท รวมถึงการรับภาระผลตอบแทนและความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากการบริหารสภาพคล่อง ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงจากการกำหนดราคาที่คลาดเคลื่อน เช่น ความเสี่ยงจากการประมาณการภาระหนี้สินตามการเคลมที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถชำระหนี้หรือภาระผูกพันได้ตามกำหนด หรือไม่สามารถแปลงสินทรัพย์ให้เป็นเงินสดได้ทันเวลา หรือจัดหาแหล่งเงินทุนได้แต่ต้นทุนทางการเงินสูงเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ เงินทุน และความน่าเชื่อถือของบริษัท
กลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์และหนี้สินมุ่งเน้นการรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้เพียงพอครอบคลุมภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยและจำนวนกรมธรรม์ที่มีอยู่ โดยภาระผูกพันตามกรมธรรม์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณาการลงทุนของบริษัท ทั้งในด้านระยะเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนและการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย
หมายเหตุ
• ราคาทางบัญชี (Account Price): หมายถึงมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่วัดตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ภาระผูกพันจากสัญญาประกันภัย ประกอบด้วย:
1. เงินสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้
บริษัทคำนวณเงินสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสรรเงินสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ เงินสำรองสำหรับค่าสินไหม และเงินสำรองอื่นของบริษัทประกันวินาศภัย โดยใช้วิธีการคำนวณแบบ 1/365
บริษัทใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์ 3 วิธีในการประเมิน ได้แก่
เพื่อให้บริษัทประกันภัยมีความสามารถในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้อย่างครบถ้วน จะต้องมีการประเมินมูลค่าโดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ได้รับใบอนุญาตและได้รับความเห็นชอบจากทะเบียนนักคณิตศาสตร์ สมมติฐานที่ใช้ในการประเมินจะต้องสอดคล้องกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือในกรณีที่บริษัทมีข้อมูลไม่เพียงพอ อาจใช้อัตราความสูญเสียเฉลี่ยของอุตสาหกรรมประกันภัย และปรับให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของพอร์ตกรมธรรม์ของบริษัท โดยการประเมินดังกล่าวจะรวมถึง “Provision of Adverse Deviation (PAD)” หรือส่วนเผื่อความผันแปรในทางลบ ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ในบางช่วงเวลาของการรายงานทางการเงิน มูลค่าของภาระผูกพันจากสัญญาประกันภัยอาจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างมูลค่าทางบัญชีกับมูลค่าประเมิน ทั้งนี้ เนื่องจากวัตถุประสงค์และวิธีการประเมินที่แตกต่างกันตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้ควรศึกษาและทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของแต่ละวิธีการประเมินมูลค่าของสัญญาประกันภัยโดยรอบด้าน ก่อนนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจ
นโยบายการลงทุนของบริษัทถูกกำหนดให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงโดยรวม การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพิจารณารับประกันภัย สัญญาประกันภัย การบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน ฐานะเงินทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนที่คาดหวัง รวมถึงความพร้อมของระบบและบุคลากรในการสนับสนุนการลงทุน ทั้งนี้ บริษัทดำเนินการตามข้อกำหนดของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันภัย พ.ศ. 2556
วัตถุประสงค์ของนโยบายฉบับนี้คือ เพื่อสนับสนุนให้บริษัท แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน) สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคณะกรรมการการลงทุนจะทำหน้าที่กำกับ ดูแล และประเมินผลการบริหารสินทรัพย์และการลงทุนของบริษัท โดยคำนึงถึงสภาพคล่องทางธุรกิจ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อพันธกิจและวัตถุประสงค์ของบริษัท ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวสอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
บริษัทมีนโยบายการลงทุนที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ “ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของเงินต้นและมูลค่าผลตอบแทนจากการลงทุน” ซึ่งได้กำหนดสัดส่วนของการลงทุนในแต่ละประเภทให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดทุนในช่วงเวลานั้น พร้อมทั้งพิจารณาความสอดคล้องของการลงทุนแต่ละประเภทกับนโยบายบริหารความเสี่ยง โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการลงทุน และนำเสนอต่อกรรมการผู้จัดการเพื่ออนุมัติก่อนดำเนินการในทุกครั้ง
กลยุทธ์และการจัดสรรเงินลงทุนของบริษัทจะต้องอิงกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท โดยให้ความสำคัญกับ "สภาพคล่อง" เป็นลำดับแรก รวมถึงข้อจำกัดในการลงทุน (Investment Limits) นักลงทุนจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันการเงินและศูนย์วิจัยของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ นอกจากการวางแผนลงทุนแล้ว ความยืดหยุ่นของแผนการลงทุนจะถูกเสริมขึ้นเมื่อพบความผันผวนในตลาดเงินหรือตลาดทุน
บริษัทได้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ เงินสด เงินฝากกับสถาบันการเงิน ตราสารรับฝาก และใบรับฝากเงินที่สามารถโอนได้ (Negotiable Certificate of Deposit) โดยมีแนวทางการประเมินมูลค่าสินทรัพย์แต่ละประเภทดังนี้:
1. เงินสด: ประเมินมูลค่าตามจำนวนเงินที่มีอยู่จริง
2. เงินฝาก: เงินฝากกับสถาบันการเงินและใบรับฝากเงินจะประเมินมูลค่าตามจำนวนเงินฝาก หรือมูลค่าตามต้นทุนของใบรับฝากเงิน
หมายเหตุ
มูลค่าทางบัญชี (Book Value): หมายถึงมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่ประเมินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
มูลค่าประเมิน (Appraisal): หมายถึงมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่ประเมินตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทประกันภัย เพื่อวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงิน และเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้อย่างครบถ้วน
บริษัทอยู่ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อภาพรวมของระดับความเสี่ยงของบริษัท โดยการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้จากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก เช่น สภาพเศรษฐกิจและภาวะอุตสาหกรรม กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงานของบริษัทเอง
ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องกำหนดนโยบาย แนวทางการปฏิบัติ และการควบคุมที่เหมาะสม เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท การจัดให้มีระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมการควบคุมที่เข้มแข็ง ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี
หนึ่งในพันธกิจของบริษัทที่มีต่อผู้ถือหุ้น ผู้เอาประกันภัย เจ้าหนี้ และหน่วยงานกำกับดูแล คือการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเหล่านี้ โดยบริษัทมีระบบควบคุมภายในที่ดี และมีการบริหารจัดการความเสี่ยงสำคัญด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ
การควบคุมภายใน หมายถึง นโยบายและกระบวนการที่ออกแบบและนำมาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ต่อไปนี้ได้:
• การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
• รายงานทางการเงินมีความน่าเชื่อถือ
• การปฏิบัติตามกฎระเบียบและนโยบายต่าง ๆ
บริษัทได้กำหนดโครงสร้างการบริหารจัดการของแต่ละหน่วยงานไว้อย่างชัดเจน มีการแบ่งส่วนย่อยและกระจายอำนาจการบริหารในแต่ละลำดับขั้นอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ได้มีการพิจารณาด้านการบริหารจัดการและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและเหมาะสมกับบริบทขององค์กร
การดำเนินธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่:
1. การรับประกันภัย (Underwriting)
ธุรกิจหลักของบริษัทคือการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและการประกันสุขภาพ
• การประกันภัยโดยตรง – ผ่านตัวแทน นายหน้า นิติบุคคลนายหน้า และการเสนอขายโดยตรงแก่ผู้เอาประกันภัย
• การรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยอื่น
2. การลงทุน (Investment)
บริษัทสามารถนำเงินสดไปลงทุนหรือแสวงหาผลตอบแทนเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ โดยการลงทุนต้องสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และพิจารณาสภาพคล่องของพอร์ตการลงทุนเพื่อให้มีเงินสดใช้ในอนาคตอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ บริษัทจะต้องปฏิบัติตามประเภท สัดส่วน และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ภายใต้ประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันภัย พ.ศ. 2556 ซึ่งครอบคลุมถึงการให้กู้ยืม การลงทุนในหลักทรัพย์ ตั๋วแลกเงิน พันธบัตร หุ้นสามัญ หุ้นกู้ ตลอดจนเงินฝากกับธนาคาร
ธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ การประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ และประกันการเดินทาง ซึ่งนำเสนอผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ตัวแทน นายหน้า และนิติบุคคลนายหน้า แหล่งที่มาของธุรกิจสามารถจำแนกได้เป็น:
1. การประกันภัยโดยตรง (Direct Insurance)
2. การรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยอื่น (Reinsurance) เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมความเสี่ยง
ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมุ่งเน้นที่ประกันสุขภาพ สุขภาพกลุ่ม ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันการเดินทาง โดยในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริษัทจะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับ ควบคู่กับความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างผลกำไรอย่างเหมาะสม
(Link to) >> https://www.pacificcrosshealth.com/make-a-claim/
(Link to) >> https://www.pacificcrosshealth.com/make-a-claim/#ClaimDisputes
บริษัทจำหน่ายประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุให้แก่ลูกค้ารายบุคคล รวมถึงชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในประเทศไทย โดยมีการนำเสนอความคุ้มครองที่หลากหลาย และมีเพดานความคุ้มครองสูงอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนประกันกลุ่มสำหรับองค์กร ซึ่งสวัสดิการพนักงานถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของธุรกิจในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพให้ทำงานกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง