ทำประกันโรคร้ายแรงทั้งที่มีโรคประจำตัวได้หรือไม่? สิ่งสำคัญที่ควรรู้

บริษัทประกันมีการนำเสนอความคุ้มครองประกันโรคร้ายแรงสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือไม่ ? มาทำความเข้าใจว่าประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโรคประจำตัวทำงานอย่างไร และสำรวจทางเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมสำหรับคุณ

ทำประกันโรคร้ายแรงทั้งที่มีโรคประจำตัวได้หรือไม่? สิ่งสำคัญที่ควรรู้

แม้ว่าประกันโรคร้ายแรงจะดูเหมือนเป็นกรมธรรม์ที่ควรมีติดตัวไว้ แต่การได้รับความคุ้มครองอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายหากคุณมีโรคประจำตัว เมื่อทำการยื่นขอทำประกัน บริษัทประกันจะทำการประเมินสุขภาพปัจจุบันของผู้สมัคร พร้อมทั้งพิจารณาการวินิจฉัยโรคประจำตัวหรือภาวะสุขภาพที่มีอยู่ทั้งหมด แน่นอนว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถทำประกันได้เลย แต่ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันและข้อยกเว้นความคุ้มครองในกรมธรรม์ วันนี้ เราจะมาสำรวจเกี่ยวกับประกันโรคร้ายแรง และสิ่งที่คุณควรคาดหวังหากมีโรคประจำตัว

ภาพรวมของประกันโรคร้ายแรง

ประกันโรคร้ายแรงถูกออกแบบมาเพื่อมอบเงินก้อนแก่ผู้เอาประกัน หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของแผนประกัน แตกต่างจากประกันสุขภาพทั่วไปที่เน้นการคุ้มครองค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ความคุ้มครองแบบจ่ายเงินก้อนจากประกันโรคร้ายแรงสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาที่อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของประกันสุขภาพ ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าน้ำ ค่าไฟ การชำระหนี้ ค่าเช่าหรือค่าผ่อนที่อยู่อาศัย รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อรองรับผลกระทบจากการวินิจฉัยโรค

ภาวะสุขภาพที่พบบ่อยซึ่งอาจส่งผลต่อ
การสมัครประกันโรคร้ายแรง

หากคุณกังวลเกี่ยวกับการสมัครประกันโรคร้ายแรงในขณะที่มีโรคประจำตัว สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา หากข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัวไม่ได้รับการเปิดเผย มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทประกันจะไม่ชำระค่าสินไหมเมื่อคุณต้องการ แม้ว่าในบางกรณีจะยังสามารถทำประกันได้ แต่โรคเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อเงื่อนไขของกรมธรรม์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ตัวอย่างภาวะสุขภาพที่พบบ่อยและอาจกระทบต่อความคุ้มครอง ได้แก่:

  • โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ประวัติหัวใจวาย หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 โดยเฉพาะในกรณีที่เคยมีภาวะแทรกซ้อนมาก่อน
  • ประวัติโรคมะเร็ง
  • โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคหืด (Asthma), โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และภาวะพังผืดในปอด (Pulmonary Fibrosis)
  • โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคลูปัส (Lupus), โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

การประเมินประวัติสุขภาพของผู้สมัครถือเป็นหน้าที่สำคัญของบริษัทประกัน เพื่อพิจารณาว่าประกันโรคร้ายแรงเหมาะสมกับบุคคลนั้นหรือไม่ และควรปรับรูปแบบความคุ้มครองอย่างไร ผลการประเมินนี้จะเป็นตัวกำหนดว่า ค่าเบี้ยประกันควรอยู่ในระดับใด เงื่อนไขใดอาจต้องถูกตัดออกจากกรมธรรม์ หรือในบางกรณีอาจนำไปสู่การปฏิเสธการทำประกัน altogether

ยังคงคุ้มค่าที่จะสมัครทำประกัน
แม้มีโรคประจำตัวหรือไม่?

คำตอบคือ คุ้มค่าแน่นอน! แม้บุคคลจะมีโรคประจำตัว ก็ยังสามารถยื่นขอทำประกันโรคร้ายแรงได้ อย่างไรก็ตาม อาจมีข้อจำกัดบางประการตามมาจากภาวะสุขภาพดังกล่าว ตัวอย่างเช่น บริษัทประกันบางแห่งอาจกำหนด ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กรมธรรม์จะไม่ครอบคลุมการเคลมที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวโดยตรง นอกจากนี้ ในบางกรณีผู้ขอเอาประกันอาจได้รับความคุ้มครองในรูปแบบที่มีการปรับเปลี่ยน และเบี้ยประกันก็อาจสูงขึ้นเล็กน้อย

กระบวนการสมัครประกันโรคร้ายแรง
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว

หากคุณกำลังพิจารณาทำประกันโรคร้ายแรง แต่มีความกังวลเกี่ยวกับโรคประจำตัว กระบวนการสมัครมักจะเป็นดังนี้:

  • การยื่นใบสมัคร (The Application)

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ ข้อมูลส่วนบุคคล ประวัติสุขภาพของครอบครัว การรักษาที่กำลังดำเนินอยู่ และยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

  • การประเมินความเสี่ยงทางการแพทย์ (Medical Underwriting)

บริษัทประกันจะตรวจสอบเวชระเบียนของคุณ ประเมินการวินิจฉัยโรคที่ผ่านมา และตรวจหาความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา

  • เงื่อนไขและข้อกำหนด (Terms and Conditions)

เมื่อขั้นตอนข้างต้นเสร็จสิ้น บริษัทประกันจะติดต่อกลับพร้อมการตัดสินใจ หากการสมัครได้รับการอนุมัติ กรมธรรม์ที่ได้อาจมีเบี้ยประกันที่สูงขึ้น ตัดเงื่อนไขความคุ้มครองบางประการออกไป หรือกำหนดระยะเวลารอคอยก่อนความคุ้มครองจะมีผล

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคประจำตัว
และประกันโรคร้ายแรง

หากคุณมีโรคประจำตัว นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันโรคร้ายแรงได้ ความจริงแล้วมีความเข้าใจผิดหลายประการเกี่ยวกับประกันประเภทนี้และโรคประจำตัว ดังนั้นเราจึงอยากอธิบายเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณสบายใจมากขึ้นและเข้าใจสิ่งที่คาดหวังได้จากบริษัทประกันเมื่อยื่นใบสมัคร

  • ความเข้าใจผิดที่ 1: ถูกตัดสิทธิ์โดยอัตโนมัติ

หลายคนเชื่อว่าการมีโรคประจำตัวหมายความว่าตนไม่สามารถทำประกันโรคร้ายแรงได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง แม้กรมธรรม์ที่ได้รับอาจมีรายละเอียดแตกต่างออกไป แต่ก็ยังคุ้มค่าที่จะสมัครอยู่ดี

  • ความเข้าใจผิดที่ 2: ปกปิดโรคประจำตัวได้

บางคนคิดว่าหากไม่แจ้งโรคประจำตัวกับบริษัทประกัน เมื่อถึงเวลาต้องใช้สิทธิ์ บริษัทก็ยังคงจ่ายสินไหม แต่ความจริงคือ บริษัทประกันจะมีการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด โดยเฉพาะก่อนอนุมัติการจ่ายเงิน การปกปิดข้อมูลจึงอาจทำให้เสียทั้งเวลาและค่าเบี้ยประกันไปโดยเปล่าประโยชน์

  • ความเข้าใจผิดที่ 3: โรคประจำตัวถูกตัดออกจากความคุ้มครองเสมอ

หลายคนเข้าใจว่ากรมธรรม์จะไม่ครอบคลุมโรคประจำตัวอย่างแน่นอน แต่จริง ๆ แล้วยังมีความเป็นไปได้ที่จะซื้อกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองแม้กับโรคที่เคยมีมาก่อน

  • ความเข้าใจผิดที่ 4: บริษัทประกันทุกแห่งเหมือนกัน

หากคุณเคยถูกปฏิเสธการทำประกันโรคร้ายแรงเนื่องจากโรคประจำตัวจากบริษัทหนึ่ง นั่นไม่ได้หมายความว่าบริษัทอื่นจะปฏิเสธเช่นเดียวกันเสมอไป การสำรวจและเปรียบเทียบบริษัทประกันหลายแห่งจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าจนกว่าจะพบผู้ให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้

อย่าผลัดวันในการสมัครประกัน ดูแลความคุ้มครองของคุณตั้งแต่วันนี้

ประกันโรคร้ายแรงถือเป็นกรมธรรม์ที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะครอบคลุมสิ่งที่ ประกันสุขภาพทั่วไป ไม่สามารถรองรับได้ แม้ว่าคุณจะมีโรคประจำตัว ก็ยังคุ้มค่าที่จะสำรวจตลาดเพื่อใช้ประโยชน์จากความคุ้มครองที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำความเข้าใจเงื่อนไขของกรมธรรม์ รวมถึงข้อยกเว้นความคุ้มครองอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำประกัน

หากคุณมีโรคประจำตัวและกำลังวางแผนทำ กรมธรรม์ประกันโรคร้ายแรง สิ่งสำคัญคือการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาตลอดกระบวนการสมัคร พิจารณาเลือกความคุ้มครองที่มีระยะเวลารอคอยเพื่อเพิ่มความครอบคลุม และเปรียบเทียบบริษัทประกันหลายแห่ง

การใช้เวลาในการประเมินกรมธรรม์ประกันโรคร้ายแรงแต่ละฉบับอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณค้นพบความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการได้อย่างแท้จริง