แผนประกันสุขภาพ Health Top Up จาก Pacific Cross

ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญแต่ขึ้นอยู่กับตนเองถึงความใส่ใจดูแลมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่แค่ร่างกาย จิตใจเพียงอย่างเดียว แต่การวางแผนรับมือผ่านประกันสุขภาพก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตเบาใจเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ลงได้เยอะมาก “แผนประกันสุขภาพ Health Top Up” ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจาก Pacific Cross จะช่วยคุณกำหนด Plan ได้อย่างมีอิสระร่วมกับสวัสดิการที่ตนเองมี สัมผัสได้ถึงความสุขของชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม

ทำความรู้จักกับประกันสุขภาพ Top Up แผนใหม่ล่าสุดที่ให้อิสระได้มากกว่า

แผนประกันสุขภาพ Top Up หรือ Health Top Up คือ รูปแบบของประกันสุขภาพที่พร้อมให้อิสระในการเลือกวางแผนด้วยตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มความคุ้มครองมากขึ้นกว่าเดิมด้วยราคาสบายกระเป๋า ด้วยเข้าใจดีว่าข้อจำกัดที่หลากหลายในการรักษาส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นสูง ลำพังแค่ประกันที่คุณมีคงไม่เพียงพอและต้องจ่ายเพิ่มเองด้วยวงเงินสูง การมีประกันดี ๆ ตัวนี้จาก Pacific Cross เสมือนเป็นวงเงินสำรองที่เพิ่มการรักษาและการดูแลสุขภาพของทุกคนให้ครอบคลุมยิ่งกว่าเดิมร่วมกับสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องเงินทองอีกต่อไป

สิทธิประโยชน์ของประกันสุขภาพ Top Up จาก Pacific Cross

สำหรับสิทธิประโยชน์เบื้องต้นของผู้ทำประกันสุขภาพ Health Top Up จาก Pacific Cross สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ด้านใหญ่ซึ่งยืนยันถึงความพิเศษในการเข้ามาเป็นอีกวงเงินสำรองชั้นเยี่ยมในยามที่คุณต้องเจ็บป่วยและเข้ารับการรักษาพยาบาล

  • ให้การคุ้มครองสูงสุดด้วยวงเงิน 1 ล้านบาท / ปี 
  • ความรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible) เป็นแบบสะสมทั้งปีกรมธรรม์ 
  • สามารถ Top Up ร่วมกับตัวแผนประกันสุขภาพเดิมที่คุณมีอยู่แล้วกับบริษัทอื่นได้อย่างไร้กังวล 
  • จ่ายเบี้ยคุ้มครองเริ่มต้นเพียง 1,900 บาท* เท่านั้น 
  • ให้การคุ้มครองในกรณีฉุกเฉินได้ทั่วโลกตลอด 24 ชม.

ทั้งนี้ ขออธิบายข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบส่วนแรกเป็นแบบสะสมทั้งปีกรมธรรม์ หรือ Deductible per policy year ในกรณีที่คุณต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายระหว่างการรักษาด้วยตนเองก่อนนำไปดำเนินการเบิกกับบริษัทที่คุณทำประกันสุขภาพเอาไว้ แล้วค่าใช้จ่ายส่วนแรกมีจำนวนมากกว่าที่ระบุในกรมธรรม์ Top Up ทาง Pacific Cross จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนเกินดังกล่าวให้ตามวงเงินที่กำหนดไว้ทั้งหมด

ตารางความคุ้มครองสำหรับแผนประกันสุขภาพ Top Up

เพื่อให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการทำ ประกันสุขภาพ Health Top Up จึงขอนำเอาข้อมูลตารางความคุ้มครองสำหรับแผนประกันดังกล่าวมานำเสนออย่างละเอียด ซึ่งจะเห็นเลยว่าเบี้ยเริ่มต้นเพียงแค่ 1,900 บาทเศษเท่านั้น แต่คุ้มครองให้สูงสุดถึง 1 ล้านบาทจริง

ประกันสุขภาพ Top Up เหมาะกับใคร?

ในการทำประกันสุขภาพ Health Top Up จะเหมาะกับผู้ที่มีประกันสุขภาพหรือสวัสดิการอื่น ๆ เบื้องต้นของตนเองคุ้มครองอยู่ก่อนแล้วและมีความประสงค์อยากขยายวงเงินความคุ้มครองเพิ่มเติมแบบเหมาจ่าย หรือใครก็ตามที่กังวลใจด้านสุขภาพของตนเอง กลัวว่าเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วต้องจ่ายแพงก็สามารถซื้อได้ หรือแม้แต่คนสุขภาพแข็งแรงการมีประกันไว้ย่อมอุ่นใจกว่าเช่นกัน

ประกันสุขภาพ Top Up แผนประกันสุขภาพชั้นเยี่ยมจาก แปซิฟิค ครอส ในฐานะของ บริษัทประกันสุขภาพ ที่เข้าใจในสิ่งที่ทุกคนต้องการเกี่ยวกับการค่ารักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย การมีวงเงินสำรองเพิ่มเติมจะช่วยแบ่งเบาภาระจากหนักให้เบาลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำไว้สบายใจหายห่วง

5 อันดับผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในประเทศไทย

“มะเร็ง” แค่ได้ยินชื่อนี้ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะมันคือโรคร้ายที่พร้อมคร่าชีวิตตัวคุณและคนที่รักได้แบบไม่ใยดี แต่ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าคนไทยจำนวนมากก็มักจากกันไกลด้วยโรคดังกล่าวในแต่ละปีสูงพอตัว จึงขอรวม 5 อันดับผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในประเทศไทยมากที่สุดมาเตือนสติกันเอาไว้ พร้อมใส่ใจสุขภาพของตนเองให้มากขึ้นกว่าเดิม

รวม 5 โรคมะเร็งในประเทศไทยที่พบมากที่สุด

ความน่ากลัวของโรคมะเร็งอย่างหนึ่งคือเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วสามารถลุกลามไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และนี่คือ 5 สถิติโรคมะเร็งในประเทศไทยที่พบเจอได้บ่อย รวมถึงอัตราเสียชีวิตสูงด้วยเช่นกัน

1. มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี

เริ่มกันด้วยโรคมะเร็งที่หลายคนคุ้นเคย มาจากเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นบริเวณท่อทางเดินน้ำดี ท่อน้ำดีภายในและภายนอกตับ มักเกิดกับคนอายุ 40 ปีขึ้นไป เพศชายมากกว่าเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญมาจากการทานอาหารแบบสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะบรรดาเนื้อปลาน้ำจืด เนื้อหมู เนื้อวัว ส่งผลให้ตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับเข้าไปอาศัยอยู่ในร่างกายและเติบโตภายในท่อน้ำดีก่อนจะลุกลามไปสู่ตับ รวมถึงผู้ที่ชอบดื่มเหล้า ทานอาหารไขมันสูงจนทำให้ตับทำงานหนักและไขมันพอตับนำไปสู่การป่วยมะเร็งตับ

2. มะเร็งปอด

จัดเป็นโรคมะเร็งในประเทศไทยที่เป็นภัยเงียบคร่าชีวิตผู้คนได้มากเป็นลำดับต้น ๆ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้มาจากการสูบบุหรี่ซึ่งผู้สูบเสี่ยงต่อการป่วยมากกว่าคนปกติถึง 10 เท่า, การได้รับควันบุหรี่มือสอง, การอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการสูดดมสารพิษ สารเคมีก่อมะเร็ง เช่น ในเหมืองแร่ โรงงานอุตสาหกรรม, การอยู่ในสภาพแวดล้อมมีฝุ่นและควันพิษอย่าง PM 2.5 เป็นต้น มีทั้งมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็กและเซลล์ใหญ่ กระจายสู่อวัยวะอื่นได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

3. มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

สถิติโรคมะเร็งในประเทศไทยนี่ก็ถือเป็นอีกชนิดมะเร็งที่มีอัตราเกิดสูง สาเหตุมาจาก “โพลิป” (Polyp) หรือติ่งเนื้อเล็ก ๆ มีการงอกออกจากผนังลำไส้ เมื่อเวลาผ่านไป 5-10 ปี ติ่งขนาดนิ้วก้อยจะค่อย ๆ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง ทั้งนี้ก็ยังมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมด้วย เช่น การทานของแปรรูป เนื้อแดงเป็นประจำ, เป็นโรคอ้วน, สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ประจำ, เคยมีประวัติเนื้องอกในลำไส้แม้ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง เป็นต้น

4. มะเร็งเต้านม

โรคมะเร็งในประเทศไทยที่มีผู้หญิงเสียชีวิตมากที่สุด ผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือคนในครอบครัวมีประวัติป่วยมะเร็งมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าปกติ จึงควรมีการตรวจประเมินอยู่เป็นประจำ เช่น การคลึงเต้านมของตนเองหากเจอก้อนน่าสงสัยให้รีบพบแพทย์ รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีและเน้นไปที่การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยจะช่วยลดความเสี่ยงได้มากกว่าเดิม

5. มะเร็งปากมดลูก

อีกความอันตรายของผู้หญิงที่มักมีสาเหตุจากเชื้อ HPV ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนจำนวนมากและไม่มีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น หญิงสาวอายุ 40 ปีขึ้นไป, การมีบุตรเยอะ, สูบบุหรี่ หรือป่วยด้วยโรคเอดส์ เป็นต้น แนะนำว่าหากอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปควรมีการตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี

ทุกอันดับผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในประเทศไทยถือเป็นถือเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ดังนั้นการใส่ใจกับสุขภาพของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังแนะนำให้ทำ ประกันสุขภาพ เพิ่มเติมหรือ ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ให้กับพ่อแม่ที่ครอบคลุมโรคมะเร็งเอาไว้ด้วย อย่างน้อยหากเกิดขึ้นกับตนเองจริงจะได้เบาใจเรื่องค่ารักษาพยาบาลและต่อสู้กับมันได้แบบเต็มที่

 

ความสำคัญของการออกกำลังกายเป็นประจำและวิธีลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ

คนส่วนมากตระหนักดีว่าการออกกำลังกายเป็นประจำเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ด้วยวิถีชีวตสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทำให้หลายคนละเลยการดูแลร่างกาย บ่อยครั้งก็อ้างว่าไม่มีเวลา การออกกำลังกาเป็นประจำได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดต่างๆ รวมถึงมะเร็งบางชนิดได้ด้วย ประโยชน์ของการออกกำลังกายเป็นประจำมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพียงแค่รู้จักยืดเส่นยืดสายให้ได้ 30 นาทีต่อวัน

ออกกำลังกายเป็นกิจวัตรสำคัญไฉน?
มนุษย์มักมีนิสัยคุ้นชินกับกิจกรรมที่ทำอยู่ซํ้าๆ เดิมๆ เรามักจะปรับตัวได้ดีกับกิจวัตรประจำวัน ซึ่งจะใช้ได้ผลกับการออกกำลังกายหากทำอย่างสมํ่าเสมอแน่นอน การออกกำลังกายช่วยสร้างเสริมสมาธิและความจำ พร้อมทรงคุณประโยชน์นานัปการ ถ้าคุณมีเหตุไม่ได้ออกกำลังกายวันใดวันหนึ่ง คณุควรเริ่มต้นใหม่ในวันถัดไปอย่าผัดวันประกันพรุ่ง รอให้ถึงวันนั้นวันนี้ก่อนค่อยทำ ลักษณะนิสัยที่ดีเช่นนี้จะถูกบั่นทอนได้ในเวลารวดเร็วควรตัดสินใจเลือกการออกกำลังที่คุณชื่นชอบหรือถนัดสักอย่าง ลงมือปฏิบัติจริงจังเสียตั้งแต่วันนี้ เลือกประเภทที่ท้าทายบ้าง กายบริหารหรือกีฬานั้นไม่ควรง่ายหรือยากเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียต่อแรงจูงใจของคุณได้

ประโยชน์ทั่วไปของการออกกำลังกาย
การออกกำลงักายเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและภาวะรุนแรงต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้คุณรักษานํ้าหนักตัวได้คงที่ บุกคลิกภาพดูดีมากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม หรือถ้ามีอาการเจ็บป่วยทั่วไปก็จะฟื้นตัวได้เร็ว การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นฮอร์โมนอันส่งผลตอภาวะอารมณ์ด้านบวก เช่น เอนดอร์ฟิน เซโรโทนินโดปามีนและออกซิโทซิน

ควรออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน?
ปริมาณในการออกกำลังกายขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ ผู้เชี่ยวชาญด้านสขุภาพแนะนำให้ออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ออกบ้างดีกว่าไม่ได้ออกเลย หากคุณไม่เคยออกกำลังกายใดๆ มาก่อน เราขอแนะนำให้พูดคุยกับแพทย์ก่อนที่จะเริ่มกีฬาหรือกายบริหารทุกชนิด อย่างไรก็ตามแม้การออกกำลังกายจะไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพก็จริง คุณก็ไม่ควรหักโหม ใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไปจนถึงระดับที่ต้องการ

แม้ว่าในเชิงปฏิบัติจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่แนวทางที่ว่า “ออกกำลังกายเล็กนอยแต่บ่อยครั้ง” นั้นน่าจะดีที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ คุณควรตั้งเป้าหมายการออกกำลงักายระดับปานกลางระหว่าง 150 ถึง 300 นาทีต่อสัปดาห์ถ้าคุณชอบออกกำลังกายหนัก เป้าหมายของคุณควรอยู่ที่ 75 ถึง 150 นาทีต่อวันควรเพิ่มกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง

จะประยุกต์การออกกำลังกายให้เข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างไร?
บ่อยครั้งมีข้ออ้างค่อนข้างง่ายสำหรับการไม่ออกกำลังกาย คือ ผู้คนไม่รู้ว่าจะดัดแปลงการออกกำลังกายให้เข้ากับวิถีชีวิตปกติในแต่ละวันได้อย่างไร อาทิ เช่น การเดินหรือปั่นจักรยานไปทำงาน หรือทางเลือกอื่นๆ เช่น ลงจากบีทีเอส (BTS)หรือ เอ็มอาร์ที (MRT) ก่อนเวลาสักป้ายแล้วเดิน นับจากป้ายที่คุณลงไปถึงที่หมายก็ไม่ได้ไกลจนเกินไป หรือเดินกับลูกๆ ไปโรงเรียน กรุงเทพฯ มีสวนสาธารณะสงบร่มรื่นหลายแห่งให้คุณได้เดินเล่นหนีมลพิษตามท้องถนน

การออกกำลังกายสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำได้หรือไม่?
ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) เป็นภาวะที่ร่ายแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตซึ่งเป็นผลมาจากก้อนเลือดที่ก่อตัวอยู่ลึกเข้าไปในร่างกายโดยมักเกิดที่ขา หากลิ่มเลือดแข็งตัวก็สามารถเดินทางไปยังปอดซึ่งเรียกว่าเส้นเลือดอุดตันในปอดมักเป็นอันตรายถึงชีวิตหากตรวจไม่พบโดยเร็ว การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนและช่วยผ่อนคลายผนังของหลอดเลือดส่งผลให้เลือดไหลเวียนไดดีขีนึ้ เลือดที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมีโอกาสน้อยที่จะถูกปิดกั้นซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการก่อตัวเป็นภาวะดีวีที (DVT)

คนเป็นดีวีที (DVT) ได้อย่างไร?
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้คนเกิดลิ่มเลือด แต่ดีวีที (DVT) มักเกิดจากการไหลเวียนไม่ดีอาจมีปัจจัยร่วมหลายอย่าง เช่น หลอดเลือดแดงหนาขึ้นหรือแคบลงเนื่องจากอายุหรือสขุภาพโดยทั่วไปไม่แข็งแรง การออกกำลังกายได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มการไหลเวียนและสุขภาพหัวใจ หลอดเลือดลดโอกาสในการก่อตัวเป็นดีวีที (DVT) อย่างไรก็ตามแม้แต่ผู้ที่มีบุกคลิกกระฉับกระเฉงก็สามารถเกิดลิ่มเลือดได้หากอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานาน เช่น ในเที่ยวบินระยะไกล ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ และออกกำลังกายเบาๆ เพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและเพิ่มการไหลเวียนของกระแสเลือด

การออกกำลังกายสำหรับดีวีที (DVT)
การออกกำลังกายสมํ่าเสมอเพื่อสุขภาพตามที่ระบุไว้ข้างต้นจะช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมกับลดโอกาสในการเกิดอาการดีวีที (DVT)หากคุณทำงานประจำในตึกสำนักงานหรือโดยสารเที่ยวบินนานหลายชั่วโมง มีเกร็ดการออกกำลังเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำได้ในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้หากเป็นไปได้คุณควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว้ขาเพราะอาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดได้ ตัวอย่างกายบริหารง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ขณะนั่งที่เดียวนานๆ ได้แก่

  • การยืดเหยียดขา – ให้ต้นขาอยู่บนเบาะค่อยๆยกขาขึ้นจนขนานกับพื้น ลดต้น ขาลง ทำซํ้ากับขาอีกข้าง
  • ขยับข้อเท้า – ตรึงส้นเท้ากับพื้น ยกปลายนิ้วเท้าเข้าหาหน้าแข้ง แตะปลายเท้า ลงพื้น ทำซํ้ากับเท้าอีกข้าง
  • เดินกับที่ขณะนั่ง – ขยับขาเหมือนคุณกำลังเดิน แต่อยู่ในท่านั่งเป็นเวลา 2 นาที เพิ่มความเร็วเท้าที่ทำได้ทำได้บ่อยทุกๆ หนึ่งชั่วโมง

ถ้าเป็นดีวีที (DVT) แล้วจะออกกำลังกายได้หรือไม่?
แม้ว่าคุณมีภาวะดีวีที (DVT) แล้วก็สามารออกกำลังกายได้ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติที่ถูกต้องคุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาการอุดตันของหลอดเลือดดำซึ่งเป็นโรคที่อาจจำกัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่หัวใจ แนะนำให้ทำกิจกรรมแอโรบิค เช่น เดิน ว่ายนํ้า หรือเต้นรำ การสร่างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ขาจะช่วยส่งเสริมให้เลือดไปเลี้ยงได้ดีขึ้น ช่วยลดโอกาสที่ก้อนอื่นจะก่อตัวขึ้นหรือลิ่มเลือดที่มีอยู่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นคนส่วนใหญ่ที่ป่วยด้วยโรคดีวีที (DVT) มักใช้ยาเป็นประจำ เช่น ยาสลายลิ่มเลือดหรือแอสไพรนิ ถ้าคณุใช้ยาประเภทนี้อยู่ ก่อนออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเสียก่อน

เราควรควบคุมน้ำหนักโดยการรับประทานมังสวิรัติหลายครั้งต่อสัปดาห์ ??

เนื้อสัตว์นับเป็นอาหารสำคัญของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อาหารประเภทเนื้อช่วยเสริมสร้างโปรตีนที่จำเป็นในการอยู่รอดและการเจริญเติบโตของร่างกาย อย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการกิน ผู้คนจำนวนมากหันมารับประทานอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น การใส่ใจต่อโลก สวัสดิภาพของสัตว์ ความเชื่อทางศาสนา หรือแม้แต่เพราะปัญหาสุขภาพ

เราสามารถปรับปรุงโภชนาการเพื่อสขุภาพโดยไม่จำเป็นต้องหยุดบริโภคเนื้อสัตว์โดยสิ้นเชิง ควรรับประทานผักผลไม้คละกันอย่างน้อย 5 ส่วนในทุกๆ วัน ผักและผลไม้มีกากใยสูง รวมถึงวิตามินแร่ธาตุหลายชนิดซึ่งหาไม่ได้จากอาหารในหมวดหมู่เนื้อสัตว์ ดังนั้นหากคุณต้องการกินเนื้อสัตว์ต่อไปก็ทำได้ เพียงแต่อาจลองสลับเป็นมังสวิรัติในวันอังคารและวันพฤหัสบดีบ้าง เป็นต้น

อาหารมังสวิรัติมีประโยชน์อย่างไร?
ในหลายประเทศทางตะวันตก อัตราโรคอ้วนมักสูงกว่า 25% ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพขั้นร้ายแรง เชื่อกันว่าเป็นเพราะการบริโภคอาหารแปรรูปเกินขนาด อาหารเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์ มีนํ้าตาลและเกลือสูง การรับประทานอาหารมังสวิรัติมากขึ้นจะช่วยให้น้ำหนัดลดลง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือช่วยให้น้ำหนักตัวไม่กลับมาเพิ่มอีก

ประโยชน์ที่โดดเด่นอีกประการของการรับประทานอาหารมังสวิรัติสัปดาห์ละสองถึงสามวันคือช่วยให้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น การวิจัยหลายแหล่งระบุว่าผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติในประเทศอินเดียมีสุขภาพหัวใจดีกว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นอาการหลัก จากการทดลองพบว่าผู่ที่บริโภคเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่มีความดันโลหิตสูงและระดับคอเลสเตอรอลสูงกว่ากลุ่มที่รับประทานเนื้อสัตว์น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อแดงเพิ่มคอเลสเตอรอล แม้ว่าคอเลสเตอรอลจะมีอยู่ในอาหารจากพืช แต่ก็มีแริมาณต่ำกว่ามาก

ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มมากขึ้น อาจเป็นผลมาจากการที่มนุษย์มีชีวิตยืนยาวขึ้น การตรวจสุขภาพเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ทำให้เรารับทราบข้อมูลสถิติค้นเจอโรคมะเร็งมากขึ้นตามลำดับ แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามไปว่าเนื้อสัตว์ก็มีบทบาทสำคัญต่อโรคนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทยชั้นนำหลายท่านเชื่อว่าการรับประทานอาหารที่ปลอดเนื้อสัตว์มีส่วนสำคัญในการป้องกันมะเร็งบางชนิดได้อย่างไรก็ตาม การศึกษาดังกล่าวอาจต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมก่อนที่จะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ

อันตรายจากการรับประทานอาหารมังสวิรัติ
อาหารมังสวิรัติที่จัดเตรียมหุงต้มอย่างถูกวิธีนั้นดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง พบข้อโต้แย้งในทางลบน้อยมาก แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของการรับประทานอาหารมังสวิรัติคือการที่ผู้บริโภคอาจขาดสารอาหารสำคัญบางอย่าง เช่น โปรตีนหากไม่ได้รับประทานอาหารที่เหมาะสม ถั่ว และธัญพืชล้วนมีโปรตีนสูง ฉะนั้นใครก็ตามที่รับประทานอาหารมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดควรแน่ใจว่ามีอาหารตระกูลถั่วรวม และเมล็ดพืชอยู่ด้วยในแต่ละวัน

อาการของโรค COVID-19 มีอะไรบ้าง ?

ข้อบ่งชี้อาการเจ็บป่วยจากไวรัส COVID-19 แตกต่างกันในคนไข้แต่ละราย อาการบางอย่างพบได้บ่อย เช่น อุณหภมูิ ร่างกายสงู ไอแห้งๆระยะแรกและไอต่อเนื่องไปเรื่อยๆ การสูญเสียการรู้รสและ / หรือกลิ่น อาการอื่นๆ จากข้อมูลสุขภาพแหล่งต่างๆ ได้แก่ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ท้องร่วง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ดีผู้ป่วยที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการใดๆ ก็มีเป็นจำนวนมาก

หากคุณมีข้อกังวลว่าอาจเป็นโรค COVID-19 หรือเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อไวรัส ควรทำการทดสอบโคโรนาไวรัสทันที

ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เป็นอย่างไร?
หากคุณมีอาการหรือได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสคุณควรโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อขอคำปรึกษา ปัจจุบันนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่งคอยให้บริการ หากวัตถุประสงค์การตรวจเชื้อโควิดของคุณเพื่อใช้ในการเดินทาง เพื่อการทำงาน หรือเพื่อการประกันภัย โดยคุณไม่มีเหตุสงสัยว่าติดไวรัสตัวนี้ โรงพยาบาลส่วนใหญ่มีบริการตรวจหาเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งคุณสามารถเดินเข้าไปติดต่อได้โดยตรง ค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 3,500 บาทสำหรับการตรวจสอบ COVID-19 PCR ซึ่งเป็นหลักการที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)

เมื่อคุณถูกเรียกให้ทำการทดสอบ คณุจะพบเจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันการติดเชื้อเต็มรูปแบบ เจ้าหน้าที่จะอยู่หลังหน้าจอ Perspex (แผ่นพลาสติกกันความร้อน) ทางเจ้าหน้าที่จะขอให้คุณยืนยันชื่อ นามสกุล วันเดือนปี
เกิด จากนั้นจะเป็นการใช้แท่งกวาดในช่องจมูกแต่ละข้าง ลำคอบริเวณต่อมทอนซิล วิธีการตรวจดังกล่าวอาจทำให้คณุอึดอัดเล็กน้อยบริเวณช่องจมูกและลำคอ แต่คุณสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ตามปกติทันทีหลังจากที่ไม่พบข้อสงสัยว่ามีเชื้อไวรัส

ผลการตรวจ
โดยปกติผลการตรวจจะออกภายใน 24 ชั่วโมง หากคิวในการตรวจมีจำนวนมากอาจใช้เวลานานถึง 72 ชั่วโมง คนส่วนใหญ่ได้รับแจ้งทางอีเมล์หรือข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือคุณสามารถขอรับใบรับรองจากทางโรงพยาบาลได้แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากผลตรวจที่ออกมาเป็นลบ ในรายงานจะแจ้งว่า “ตรวจไม่พบ” ในใบรับรองแพทย์

ข้อความดังกล่าวอาจสร้างความสับสนไปบ้างแต่หลักการนี้เป็นหลักการสากลที่ใช้เป็นมาตรฐานในการรายงานผล หากผลตรวจของคุณเป็นบวก หรือ “สรุปไม่ได้” ทางโรงพยาบาลจะติดต่อคุณทันทีและแจ้งขั้นตอนต่อไปให้ทราบ

เราจำเป็นต้องกักตัวหรือไม่?
คุณควรแยกตัวเองออกจากผู้คนหากสงสัยว่าตนเองติดเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือเคยติดต่อกับผู้ที่เป็นโรคนี้ก่อนที่คุณเข้ารับการทดสอบในประเทศไทย คุณจะต้องรับการรักษาตัวในสถานพยาบาลจนกว่าผลตรวจจะออกมาเป็น “ตรวจไม่พบ” ซึ่งต่างจากบางประเทศ ที่คุณอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้กักตัวที่บ้าน

วัคซีนโควิด -19
เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2563 สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ริเริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้บุคคลทั่วไป หลังจากนั้นไม่นานประเทศอื่นๆ เริ่มถยอยตามนโยบายนี้ ปัจจุบัน (ณ. วันที่เขียน) มีวัคซีนสามชนิดที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย ซึ่งมาจากอ๊อกซ์ฟอร์ด – แอสตร้าซีนีก้า (Oxford-AstraZeneca) ไฟเซอร์- ไบโอเอน็เทค (Pfizer-BioNTech) และโมเดอร์น่า (Moderna) สำหรับประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลงกับ อ๊อกซ์ฟอร์ด – แอสตร้าซีนีก้า (Oxford-AstraZeneca) เพื่อจัดหาวัคซีน 26 ล้านเข็ม แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตอื่นๆ จากจีน รัสเซียและอินเดีย

วิธีการใช้วัคซีน
การฉดีวคัซนีจำเป็นต้องใช้จำนวนสองเข็ม โดยเข็มที่สองห่างจากเข็มแรกเป็นเวลาสี่ถึงสิบสองสัปดาห์ ซึ่งคาดการณ์ว่าวัคซีนเข็มแรกจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ประมาณ 90% หลังจากผ่านไปประมาณสี่สัปดาห์ในช่วงแรกของผู้รับวัคซีนนั้นร่างกายจะค่อยๆสร้าระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต้านทานโรคซึ่งจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของมนุษย์สำหรับผลข้างเคียงที่ปรากฎมีน้อยมาก สำหรับผู่ที่พกพาอีพิเพน (ใช้ในการรักษาหรือบรรเทาปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลัน) ไม่ควรรับวัคซีน

การใช้วัคซีนได้ผลเพียงใด?
ประสิทธิภาพของวัคซีนจะแตกต่างกันไป แต่มีความเห็นตรงกันว่าได้ผลมากกว่า 90% หลังจากรับวัคซีนครั้งที่สอง อย่างไรก็ตามรายงานจากบางสถาบันระบุว่าการรับวัคซีนป้องกันได้แค่ 70% จากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด นอกจากนี้วัคซีนยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพต่อต้านไวรัสตัวปัจจุบันหรือการกลายพันธุ์ของไวรัสตัวเดิม แม้ว่าจะไม่สามารถรับประกันการกลายพันธุ์ได้ในอนาคต อีกทั้งยังไม่มีการระบุที่ชัดเจนว่าต้องเข้ารับวัคซีนทุกปี หรือต้องกลับมารับอีกครั้ง หรือการฉีดสองครั้งนี้เพียงพอแล้ว

เนื่องจากวัคซีนเพิ่งถูกเปิดตัวได้ไม่นาน อีกทั้งโคโรนาไวรัสก็เป็นสิ่งใหม่ จึงมีคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้อีกมาก อย่างไรก็ตามวัคซีนนี้ได้รับการรับรองแล้วถึงความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสขุภาพทั่วโลก

ราคาวัคซีนเท่าไหร่?
ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าวัคซีนสำหรับผู้ป่วยในประเทศไทยจะมีราคาเท่าใด สำหรับวัคซีนไฟเซอร์มีราคาอยู่ที่ประมาณ 19 เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งเข็ม โมเดอร์น่า มีราคาอยู่ระหว่าง 32 ถึง 39 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ แอสตร้าซีนีก้าอยู่ที่ประมาณ 4 เหรียญสหรัฐ ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ มีโอกาสในการจองวัคซีนล่วงหน้า และเสนอสองเข็มให้กับผู้ป่วยในราคา 10,000 บาท ทั้งนี้เนื่องจากวัคซีนยังไม่พร้อมใช้งานและทางรัฐบาลเห็นว่าผิดจรรยาบรรณ โรงพยาบาลจึงถูกบังคับให้ยกเลิกข้อเสนอดังกล่าว

ผลกระทบต่อร่างกายจากการสูบบุหรี่ และ การสูบไอบุหรี่อิเล็คทรอนิกส์หรือบุหรี่ไฟฟ้า

เราหนีความจริงไม่ได้ว่าทั้งการสูบบุหรี่และการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงร้ายแรงต่อสุขภาพ ข้อเสียของการสูบบุหรี่นั้นเราทราบกันดีอยู่แล้ว แต่เรายังไม่ทราบผลกระทบระยะยาวของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า อยางไรก็ดีแหล่งอ้างอิงทั้งหลายดูเหมือนจะเห็นพ้องตรงกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าก็มีผลเสียไม่น้อยไปกว่าบุหรี่ที่ทำจากยาสูบ

อะไรอันตรายมากกว่ากัน??
หลักฐานเบื้องต้นกล่าวว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่จริงโดยที่ทั้งสองประเภทอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นภัยต่อร่างกายคนเราเป็นทุนเดิมการสูบบุหรี่ยาสูบคือการสูดเอาสารเคมีที่เป็นพิษประมาณ 7,000 ชนิด เข้าสู่ร่างกาย ในขณะที่การสูบบุหรี่ไฟฟ้าน้อยกว่าพอสมควร อย่างไรก็ตามสารเคมีที่สูดดมมีการผสมโลหะหนัก สารก่อมะเร็ง ไดอะซิทิลและสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ส่วนของเหลวที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นอันตรายหากกลืนกิน สูดดม หรือสัมผัสกับผิวหนังยังมีนิโคตินในปริมาณมากซึ่งเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของสมอง

ในทางกลับกันยาสูบก่อให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ อวัยวะทุกส่วนในร่างกายและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดถึง 90% โดยในสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตเกือบ 500,000 คนต่อปี เป็นที่ทราบกันดีว่ายาสูบทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกมากมายรวมทั้งโรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจ ผู้ที่สูบบุหรี่จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือหัวใจวายสูง

ควรโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้าแทนบุหรี่ยาสูบหรือไม่?
เมื่อครั้งบุหรี่ไฟฟ้าได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา จดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยก็ถูกนำมาใช้ในกลุ่มคนที่หยุดยาสูบเพื่อแก้อาการลงแดงหรอือยากยา แทนการแก้ไขระยะยาว เป็นที่น่าวิตกกังวลที่ผู้คนดูเหมือนจะติดบุหรี่ไฟฟ้าพอๆ กับบุหรี่ยาสูบวัยรุ่นบางคนเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ยาสูบ นอกจากนี้คนยังมีทัศนคติที่ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดา” ซึ่งอาจทำให้การสูบบุหรี่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ฉะนั้นในการเลิกบุหรี่ควรใช้วิธีอื่นที่เหมาะสมดีกว่า เช่น แผ่นแปะ หรือการสะกดจิต

ผลกระทบระยะยาวของยาสูบ
เป็นที่ทราบกันมานานหลายทศวรรษแล้วว่า การสูบบุหรี่ทำลายสุขภาพของคนเราอย่างร้ายแรง ปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ความเสี่ยงในการแท้งบุตรหรือทารกพิการเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหอบหืด การอุดตันในเส้นเลือด บางคนอาจไม่ทราบถึงปัญหาอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงของโรคต้อกระจก ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ปริมาณอสุจิลดลง อาการอักเสบทั่วไปเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของคนเรา

ผลกระทบระยะยาวของการสูบไอ
การสูบบุหรอี่ิเล็กทรอนิกส์หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ในส่วนข้อมูลผลข้างเคียงระยะยาวค่อนข้างจำกัด มหาวิทยาลัยไอโอวาได้มีรายงานเผยว่าการสูบไอปลอดภัยกว่ายาสูบ แต่ ณ ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญ
หลายท่านได้ตั้งข้อสงสัยว่าจริงดังกล่าวหรือไม่ รายงานเบื้องต้นแจ้งว่าการสูบไอทำลายปอด ไอที่สูบเข้าไปเร่งการปล่อยสารอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุการก่อมะเร็งเช่นเดียวกับยาสูบ อีกทั้งยังมีผลชะลอการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ เด็กช่วงปฐมวัย และช่วงวัยรุ่น

สรุป
ทั้งการสูบบุหรี่แบบมวนและการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้รับการพิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดมะเร็งและมีผลต่อการทำงานของปอดซึ่งปัจจุบันถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพของมนุษย์ ถึงแม้ว่าการสูบไออาจอันตรายน้อยกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังควรหลีกเลี่ยงและระมัดระวังเช่นเดียวกับบุหรี่ยาสูบ

กัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย

การใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ได้รับการเสนอโดยกลุ่มผู้เคลื่อนไหวและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั่วโลก ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 การใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคและการวิจัยได้รับการรับรองในประเทศไทย การออกกฎหมาย หมายความว่ากัญชาและกระท่อมที่ปลูกในท้องถิ่นสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์โดยที่แพทย์ให้การยอมรับ

จำนวนผู้ขอสมัครใช้กัญชาทางการแพทย์
ผู้ป่วยประมาณ 50,000 คนได้รับอนุญาตให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทยเนื่องจากผู้ใช้ทุกคนต้องมีใบสั่งยาหรือใบรับรองแพทย์อย่างชัดเจนเพื่อระบุเหตุผลในการใช้ เพราะยาเสพติดยังคงผิดกฎหมายในทุกกรณีภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ.  2522 และกัญชาจัดเป็นยาเสพติดระดับ 5 การครอบครองและการเพาะปลูกที่ผิดกฎหมายมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีพร้อมกับค่าปรับค่อนข้างสูง

การอภิปรายเกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์
ผู้คนจำนวนมากรวมถึงผู้ที่อยู่ในวงการแพทย์ยังคงมีการระวังความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของกัญชาซึ่งกล่าวกันว่าช่วยบรรเทาอาการของโรคพาร์คินสัน โรคหอบหืด และโรคมะเร็งได้ การอภิปรายส่วนใหญ่เกี่ยวกับส่วนผสมหลักสองอย่างของกัญชา เตตร้าไฮดรอแคนาบินอล (THC) และ แคนนาบิดออยล์ (CBD)

ที่ทราบกันคือทั้ง THC และ CBD ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ในสมองมนุษย์ แต่การตอบสนองที่สารดังกล่าวก่อให้เกิดนั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ THC เป็นส่วนที่ออกฤทธิ์ทางจิตและสารนี้ทำให้เกิด “อาการมึนเมา” ได้เช่นเดียวกับที่มีประสบการณ์โดยผู้ใช้กัญชา เชื่อว่า CBD จะเข้าข่ายวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ และผู้ใช้ไม่น่าจะเกิดอาการมึนเมา สารนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดและให้ประโยชน์อื่นๆ ได้

ประโยชน์ของ THC
มีหลักฐานทางการแพทย์ที่สนับสนุนความคิดที่ว่า THC ช่วยผ่อนคลายหลอดเลือดซึ่งเป็นประโยชน์ในแง่ของการบรรเทาอาการปวดและอาการบางอย่างจากการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังและเส้นโลหิตตีบหลายเส้น กัญชาเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกเกี่ยวกับผลกระทบที่เรียกว่า ซาติวา ซึ่งเกิดจากสาร THC ปริมาณสูง

มีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับความสำเร็จของ THC อย่างไรก็ตามสิ่งที่ขาดหายไปคือหลักฐานที่แสดงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพเมื่อใช้เป็นการรักษาเบื้องต้นสำหรับโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง กัญชาที่ยังไม่ผ่านกระบวนการไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่จะชี้ให้เห็นว่ามีประโยชน์สำหรับการรักษาอาการป่วยใด ๆ

กฎหมายการเพาะปลูก
องค์การเภสัชกรรม (GPO) เปิดโรงงานแห่งแรกที่จังหวัดปทุมธานีในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ในราคาประมาณ 100 ล้านบาท ฟาร์มมีขนาดครอบคลุมมากกว่า 100 ตารางเมตรและติดตั้งระบบแอโรโพนิก และได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดตามธรรมชาติ

ฟาร์มอื่น ๆ ทั้งหมดที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกนั้นอยู่ในเขตพัฒนาในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน เพชรบูรณ์ ตาก และแม่ฮ่องสอน ฟาร์มเหล่านี้ได้รับใบอนุญาตและดำเนินการภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดและการตรวจสอบในระดับสูง กฎที่เข้มงวดมากขึ้นเหล่านี้ทำให้ต้นทุนของกัญชาทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หยดน้ำมันกัญชาครั้งแรกออกให้แก่ผู้ป่วยในเดือนกรกฎาคม ขนาดบรรจุขวดละ 5 มล.

นโยบายยาเสพติด
การทำให้กัญชาในประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายมีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบอย่างกว้างขวางทั่วอาเซียนด้วยกฎหมายที่เข้มงวดในประเทศส่วนใหญ่ที่มีโทษประหารยังคงเกิดขึ้นในอินโดนีเซียสำหรับผู้ลักลอบนำเข้ากัญชา รวมถึงมาเลเซียและสิงคโปร์จากการสำรวจของ yougov.com พบว่าผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่เชื่อว่ากัญชามีคุณสมบัติเป็นยาแม้ว่าจะมีผู้ตอบไม่ถึงครึ่งที่สนับสนุนการทำให้ถูกกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์ยังเชื่อว่ากัญชาควรจะยังคงเป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย

ไม่มีที่ใดในอาเซียนที่สามารถขายกัญชาได้ผ่านเคาน์เตอร์หรือในรูปแบบดิบ การเคลื่อนไหวของประเทศไทยถูกมองว่าเป็นวิธีในการลดปริมาณกัญชาที่ผิดกฎหมายลงและเพิ่มการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลทำให้การขายที่ผิดกฎหมายทำได้ยากขึ้น

มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่ากัญชาไม่มีศักยภาพมากในตลาดระดับโลกและแน่นอนว่าประเทศไทยมองในแง่ดีว่าเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจะมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในอนาคต

ชีวิตที่มีสุขภาพดี – ความสำคัญของการออกกำลังกายและอาหารเพื่อสุขภาพ

เราทุกคนได้รับการส่งเสริมให้มีชีวิตที่มีสุขภาพดีซึ่งมักจะเน้นไปที่การทานอาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายมากขึ้น และหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ เช่น แอลกอฮอล์และบุหรี่ การมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีนั้นมีประโยชน์ทั้งทางร่างกายจิตใจและอารมณ์ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมและเพิ่มความมั่นใจในตนเอง

หากท่านต้องการเปลี่ยนวิถีชีวิตและสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ท่านก็ควรต้องเปลี่ยนความคิด ฝึกใจยอมรับ อันไม่เกี่ยวกับปัจจัยด้านสภาพร่างกายในเบื้องต้น อายุหรือเพศ ทุกคนสามารถรู้สึกถึงประโยชน์ของการมีชีวิตที่มีสุขภาพที่ดี ที่จะกล่าวต่อไปนี้คือคุณประโยชน์ห้าประการ

1. การควบคุมน้ำหนัก
การรับประทานอาหารที่ดีและออกกำลังกายในปริมาณปานกลางจะช่วยให้ท่านควบคุมน้ำหนักได้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลดน้ำหนักโดยไม่ใช้ทั้งสองกลยุทธ์และแน่นอนว่าคนที่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่ามักจะล้มเหลวในวัตถุประสงค์นั้นของตน การแบกรับน้ำหนักที่มากเกินไปนั้นไม่ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ในทางกลับกันการลดน้ำหนักจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของท่านและนำไปสู่ระดับพลังงานที่สูงขึ้นมันจะช่วยได้มาก ถ้าท่านตั้งเป้าหมายที่จะออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีในแต่ละสัปดาห์ซึ่งอาจรวมถึงการเดินตามจังหวะหรือว่ายน้ำ การรับประทานอาหารที่ควบคุมแคลอรี่จะช่วยลดน้ำหนักได้และท่านควรทานอาหารเช้าเสมอเพราะจะทำให้ท่านไม่รับประทานของว่างจุกจิกระหว่างวัน รวมทั้งช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดที่ดีต่อสุขภาพ นักโภชนาการส่วนใหญ่จะแนะนำให้ท่านกินผักและผลไม้อย่างน้อยห้าส่วนต่อวันเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

2. อารมณ์ดีขึ้น
การมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดียังนำไปสู่อารมณ์ที่ดีขึ้นด้วย การออกกำลังกายกระตุ้นการปล่อยสารเอ็นโดรฟินและฮอร์โมนที่ทำให้ท่านรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลาย การกินดีจะเพิ่มโอกาสในการพัฒนาร่างกายของท่านซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับความมั่นใจในตนเองและคุณค่าของตัวเอง เมื่อท่านออกกำลังกายแม้ในระดับปานกลางไม่หักโหม ก่อผลประโยชน์ระยะสั้นได้ง่ายๆ เช่น ความเครียดลดลง สมองทำงานดีขึ้น

การพัฒนานิสัยที่ดีต่อสุขภาพนั้นเป็นผลดีต่อสุขภาพจิตของท่าน การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนิน การผสมผสานสิ่งนี้เข้ากับอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายจะช่วยปรับปรุงอารมณ์ของมนุษย์อย่างมาก

3. ช่วยต่อสู้กับโรคต่างๆ
การออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจสอบระดับความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอลของท่านจะช่วยให้แน่ใจว่าเลือดไหลเวียนอย่างถูกต้อง ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการออกกำลังกายเป็นประจำ และการรับประทานอาหารสุขภาพสามารถช่วยจัดการปัญหาต่อไปนี้:

  • โรคไขข้อ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคซึมเศร้า
  • มะเร็งบางชนิด

เราขอแนะนำให้ท่านเข้ารับการตรวจสุขภาพทุกปีเพื่อรับการรักษาอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะ การนัดหมายเหล่านี้สามารถช่วยชีวิตท่านได้และป้องกันไม่ให้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้น รับฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

4. เพิ่มระดับพลังงาน
การกินอะไรมากเกินไปที่จะถือว่าไม่ดีต่อสุขภาพ มีแนวโน้มที่จะทำให้ท่านรู้สึกขี้เกียจและเซื่องซึม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้ท่านเพิ่มระดับพลังงาน ดังนั้นควรพยายามที่จะรวมรายการต่อไปนี้ในโภชนาการของท่าน:

  • เนื้อไม่ติดมัน
  • ธัญพืช
  • ผลไม้และผัก
  • ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ

การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อซึ่งจะเพิ่มระดับพลังงาน การออกกำลังกายในระดับปานกลางจะช่วยลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังเนื้อเยื่อต่างๆทั่วร่างกายรวมถึงช่วยเพิ่มระบบหัวใจและหลอดเลือด การออกกำลังกายยังช่วยส่งเสริมรูปแบบการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพรวมถึงการนอนหลับได้เร็วขึ้นและเข้าสู่การนอนหลับที่ลึกขึ้นและถูกขัดจังหวะน้อยลง การอดนอนอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

5. เพิ่มอายุขัย
การรับประทานอาหารอย่างดีและออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น จากการศึกษาของ American Council on Exercise ระบุว่าการเดินเพียง 30 นาทีต่อวันจะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หากท่านยังใหม่กับการออกกำลังกาย ท่านควรปรึกษาแพทย์ก่อน และเริ่มจากน้อยๆจนกว่าท่านจะเดินได้ 30 นาทีในแต่ละวัน

ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยจะส่งผลต่อเบี้ยประกันของท่านอย่างไร

ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวโดยกรุงเทพได้รับการโหวตให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของโลกตามข้อมูลของมาสเตอร์การ์ด การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เป็นภาคส่วนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศไทยโดยประเทศไทยได้รับการยอมรับในเรื่องมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่ยอดเยี่ยมซึ่งมีราคาไม่แพงมากนัก

คุณภาพการดูแล
โรงพยาบาลนานาชาติของประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการดูแล โรงพยาบาลในกรุงเทพและเมืองใหญ่อื่น ๆ ดึงดูดผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีและเป็นมืออาชีพ ด้วยมาตรฐานโรงพยาบาลระดับโลกเกือบทุกแห่งในประเทศที่ให้การรักษาพยาบาลที่เทียบเท่าหรือดีกว่าโรงพยาบาลในฝั่งตะวันตกซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การเพิ่มค่ารักษาพยาบาล
ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยรวมถึงส่วนอื่น ๆ ของโลกมีการเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ใกล้เคียงกับตัวเลขสองหลัก ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการรักษารูปแบบใหม่ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นในอัตรารวดเร็ว ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราที่คนทั่วไปพบว่าเป็นเรื่องยากและท้าทายมากหากต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องมีประกันสุขภาพที่เพียงพอ

ค่าใช้จ่ายในการรักษา
ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปในแต่ละโรงพยาบาล แต่ตามกฎหมายไทยราคาค่าบริการต่างๆจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะและมักจะมีอยู่ในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล การผ่าตัดตา ไส้ติ่งและการผ่าตัดเพื่อข้อต่อเป็นภาระทางการเงินที่สำคัญ ไม่ต้องพูดถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลหลอดเลือดและการรักษาโรคมะเร็ง ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สูงเกินกำลังความสามารถในการจ่ายของคนไทย และคนต่างชาติส่วนใหญ่

ทำไมต้องมีประกันสุขภาพ
ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ไม่จำเป็น แม้แต่การรักษาเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเงินของท่าน คนไทยและผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลผ่านสวัสดิการประกันสังคมของตน แต่ในหลาย ๆ กรณีโรงพยาบาลของรัฐเหล่านี้ไม่มีอุปกรณ์หรือความเชี่ยวชาญในการเสนอการดูแลสุขภาพในระดับที่ต้องการ เพื่อให้ได้มาตรฐานการดูแลที่ท่านและครอบครัวต้องการ ท่านต้องมีการประกันสุขภาพที่มีคุณภาพเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว

เบี้ยประกันภัยจะเพิ่มขึ้นเท่าใด
ด้วยอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์เกือบสองหลักเป็นประจำทุกปี จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เบี้ยประกันสุขภาพจะต้องขึ้นตาม บริษัทประกันส่วนใหญ่พยายามที่จะเพิ่มขึ้นให้น้อยที่สุดในแต่ละปี เบี้ยประกันโดยเฉลี่ยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นระหว่างห้าถึงเก้าเปอร์เซ็นต์ในปีนี้ แต่ยังน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาลความคุ้มค่านี้ยังไม่รวมถึงความอุ่นใจที่คุณมีประกันภัย

Pacific Cross ช่วยได้อย่างไร?
เราพยายามเสนอเบี้ยประกันให้ถูกที่สุดโดยพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทุกครั้ง ลดต้นทุนเพิ่มเติมเองมากกว่าที่จะส่งต่อภาระให้ลูกค้าของเรา เรามีนโยบายที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและสอดคล้องกับงบประมาณของท่าน ทีมของเราพร้อมแนะนำเกี่ยวกับแผนประกันที่ดีที่สุดสำหรับท่านและครอบครัว

วีซ่าเกษียณอายุ (O-A) ของประเทศไทย

เงื่อนไขการประกันสุขภาพสำหรับวีซ่าเกษียณอายุ (O-A) ของประเทศไทย
ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าเกษียณอายุ (O-A) จะต้องซื้อประกันสุขภาพที่เพียงพอ การมีประกันสุขภาพถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดวีซ่า เป็นที่คาดการณ์ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยันแต่คาดว่าจะมีผลกับผู้ที่ต่ออายุวีซ่าเกษียณอายุด้วย

คุณสมบัติขั้นพื้นฐานสำหรับการขอวีซ่าเกษียณอายุในไทย
ข้อกำหนดสำหรับการขอวีซ่า O-A ในประเทศไทยนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมาและเป็นหนึ่งในวีซ่าที่สามารถขอได้ง่ายที่สุดหากท่านมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ประการแรกท่านต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไปและมีเงิน 800,000 บาทในบัญชีธนาคารของไทยหรือมีรายได้ 65,000 บาทต่อเดือนหรือทั้งสองอย่าง จำนวนเงินจะต้องถูกเก็บไว้ในธนาคารไทยตามเวลาที่กำหนดก่อนและหลังจากส่งใบสมัครตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ท่านจะต้องแสดงหลักฐานว่าท่านมีประกันสุขภาพคุ้มครอง

วงเงินความคุ้มครอง
กฎใหม่นั้นค่อนข้างจำเพาะชัดเจนในแง่ของวงเงินความคุ้มครองที่จำเป็น วงเงินขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการคุ้มครองผู้ป่วยนอกคือ 40,000 บาทและขั้นต่ำสำหรับการคุ้มครองผู้ป่วยใน 400,000 บาท ประกันสุขภาพที่ทำไว้จากประเทศภูมิลำเนาหรือประกันสุขภาพต่างชาติเป็นที่ยอมรับตราบใดที่ให้ความคุ้มครองในประเทศไทย ส่วนแผนประกันสุขภาพจากต่างประเทศจึงถือว่าใช้ได้เช่นกัน

ประกันสุขภาพเหล่านี้ควรมีความคุ้มครองพื้นฐานที่จำเป็นและมีการครอบคลุมมากขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เพิ่มขึ้นในประเทศไทย เราขอแนะนำให้ท่านเลือกบริษัทประกันที่สามารถจ่ายค่าสินไหมให้ท่านแทนที่ท่านต้องสำรองจ่ายก่อนและเรียกร้อยในภายหลัง มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดความยุ่งยากทางการเงินกับท่านได้

เหตุผล
รัฐบาลไทยมีความจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้เพราะมีค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลมากกว่า 100 ล้านบาทซึ่งไม่ได้รับค่าการชำระจากผู้ป่วยต่างชาติ ส่วนใหญ่มาจาก 80,000 คนของผู้ถือวีซ่า O-A การเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อาจจะไม่ขจัดปัญหาเสียทีเดียว แต่ก็ถือว่าจะทำให้มีส่วนสำคัญในการลดค่ารักษาพยาบาลที่ค้างชำระในอนาคต

ใครจะได้รับผลกระทบ
กลุ่มผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายครั้งนี้คือผู้ที่ยื่นขอวีซ่า O-A ใหม่รวมถึงผู้ที่ต่ออายุวีซ่าเกษียณอายุหลังจากวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ผู้ขอวีซ่าจะต้องแสดงเอกสารหลักฐานว่าตนมีประกันสำหรับเวลาที่เหลือของการเข้าพำนักอาศัยในประเทศไทย หากไม่ให้ความร่วมมืออาจส่งผลให้การขอวีซ่าถูกปฏิเสธ

หากนโยบายเงื่อนไขใหม่นี้ผ่านการพิจารณาคาดว่าข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับวีซ่าประเภทอื่นรวมถึงวีซ่านักท่องเที่ยว วีซ่าแต่งงาน และวีซ่าระยะยาวรูปแบบอื่น ๆ

ท่านมีทางเลือกอะไรบ้าง?
บริษัทประกันในประเทศไทยหลายแห่งไม่มีประกันสุขภาพสำหรับบุคคลผู้มีอายุเกิน 60 ปีอย่างไรก็ตามที่ Pacific Cross เรามีนโยบายการประกันที่หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณของท่าน เรายินดีช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ เพื่อให้แน่ใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ